ประเด็นน่าสนใจ
- ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษา 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตร คดีชุมนุมขับไล่รัฐบาลสมัคร ปี 51
- คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษ ยกฟ้องทั้ง 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตร
- อัยการโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 9 คน
- ศาลฎีกายกฟ้อง 6 แกนนำพันธมิตรรวม “จำลอง-สนธิ”
- สั่งจำคุก 3 อดีตแกนนำ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, อมร อมรรัตนานนท์ และเทิดภูมิ ใจดี” 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
[อัปเดต]
วันนี้ ( 31ส.ค.64 ) ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ หลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.3973/2558 ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมดาวกระจาย ปี 2551 ขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษากันแล้ว มีประเด็นวินิจฉัยว่า คดีที่อัยการโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1-6 เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ อ.1877/2558 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.1878/2558 หรือไม่
โดยศาลเห็นว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการกดดันให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ลาออก ซึ่งโจทก์ฟ้องเป็นหมายเลขแดงที่ อ.1877/2558 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.1878/2558 ไปแล้วกับความผิดในคดีนี้ ซึ่งเป็นความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปแล้วก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ 215
ดังนั้นจึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1-6 อีก ถือว่าเป็นคดีที่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว โจทก์จึงนำการกระทำความผิดในคราวเดียวกันมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1-6 เป็นคดีนี้อีกไม่ได้จึงเป็นการฟ้องซ้ำ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ทั้งนี้จำเลยที่ 7-9 นั้น ได้แก่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายเทิดภูมิ ใจดี เห็นว่า ได้ขึ้นปราศรัยเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล นอกจากนี้จำเลยที่ 7 ยังเดินทางไปชุมนุมปิดถนนมิตรภาพ จ.นครราชสีมา
ส่วนจำเลยที่ 8 นำผู้ชุมนุมไปปิดล้อมที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย การกระทำของจำเลยที่ 7-9 เป็นการร่วมชุมนุมที่มีการปิดกั้นการจราจร จึงพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 7-9 เป็นการมั่วสุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามมาตรา 116
ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 116 อนุ 2 และอนุ 3 ซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุกคนละ 1 ปี แต่มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกคนละ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จังได้ควบคุมตัวจำเลยที่ 7-9 ไปยังเรือนจำ เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา
….
วันนี้ (31ส.ค.64) ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ แกนนำกลุ่มพันธมิตร คดีชุมนุมดาวกระจายขับไล่ รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 นำโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล , พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายพิภพ ธงไชย , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข , นายสุริยะใส กตะศิลา , นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ , นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายเทิดภูมิ ใจดี ได้เดินทางมาศาลอาญา
หลังศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.3973/2558 ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมดาวกระจายปี 2551 ขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ซึ่งเป็นคดีที่พนักอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ฟ้องอดีตแกนนำ พันธมิตรฯ 9 คน คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายพิภพ ธงไชย , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข , นายสุริยะใส กตะศิลา , นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ , นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายเทิดภูมิ ใจดี
ร่วมกันเป็นจำเลย1-9 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนและก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร , ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการโดยผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก แต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 , 215 , 216
กรณีเมื่อปี 2551 กลุ่มพันธมิตรฯ ได้รวมตัวกันต่อต้านและขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีขณะนั้น
คดีนี้ ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ก.ค.60 ให้ยกฟ้อง พล.ต.จำลอง จำเลยที่ 1- นายสุริยะใส กตะศิลา จำเลยที่ 6
ส่วนนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายเทิดภูมิ ใจดี จำเลยที่ 7-9 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 แต่เมื่อพิเคราะห์พฤริการณ์แห่งเจตนาคดี และเหตุผล ประกอบอายุประวัติ อาชีพ ความประพฤติการศึกษา อบรมและสุขภาพของจำเลยทั้งสองแล้ว เห็นควรรอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี
ต่อมาวันที่ 30 ม.ค.62 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยเห็นว่า จำเลยที่ 7-9 ไม่มีความผิด จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องทั้งสามด้วย อัยการโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 9 คน ทั้งนี้ หากศาลพิพากษาจำคุก จะถูกควบคุมตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป
อย่างไรก้ตามนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เปิดเผยว่า ไม่ได้มีความกังวลใด ๆ อายุขนาดนี้แล้ว หากศาลยกฟ้องก็กลับบ้าน ถ้าลงโทษไม่รอลงอาญาก็เข้าคุก ถ้าเทียบการชุนนุมกับม็อบปัจจุบันมีความรุนแรงมากขึ้น และผู้ก่อม็อบมักอ้างรัฐธรรมนูญว่าเป็นการกระทำโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ การตัดสินคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานการต่อสู้คนรุ่นหลังด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ภาพ : วิชาญ โพธิ