ประเด็นน่าสนใจ
- เมื่อ 15 ปีที่แล้ว หรือปี พ.ศ.2547 เกิดเหตุการณ์ ‘คลื่นยักษ์สึนามิ’ พัดล่มประเทศไทย
- เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2.3 แสนคน จาก 14 ประเทศ รอบชายฝั่งของมหาสมุทรอินเดีย
- เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 47
ย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ถือเป็นวันที่เกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ที่เกิดขึ้น 6 จังหวัดตอนใต้ของไทย ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่ม มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ความสูญเสียครั้งนั้นทำให้ศูนย์เตือนภัยสึนามิในแปซิฟิค ต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เกิดการสูญเสียขึ้นอีก
‘สึนามิ’ เมื่อปี 2547
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2547 ช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.58 ตามเวลาประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.47 มีรายงานเกิดเหตุแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย โดยศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรอินเดีย ใกล้ด้านตะวันตกของตอนเหนือเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว ทำให้เกิดความเสียหายบนเกาะสุมาตรา และยังรับรู้ได้ในภาคใต้ของประเทศไทย
แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียครั้งนั้น มีความรุนแรงระหว่างแมกนิจูด 9.1 – 9.3 นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงเป็นอันดับที่ 3 ตามที่เคยวัดได้จากเครื่องวัดแผ่นดินไหว ส่งผลทำให้เกิดการยุบตัวของเปลือกโลกใต้มหาสมุทรอินเดีย และทำให้เกิด ‘คลื่นสึนามิ’ พัดเข้าทำลายบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งโดยรอบของมหาสมุทรอินเดีย
เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลกระทบทำให้มีผู้เสียชีวิตใน 14 ประเทศ มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 2.3 แสนคน ได้แก่ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย ไทย โซมาเลีย พม่า มัลดีฟส์ มาเลเซีย แทนซาเนีย หมู่เกาะเซเชลส์ บังกลาเทศ แอฟริกาใต้ เยเมน และเคนยา ซึ่งประเทศมาดากัสการ์ ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต นับเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จาก ‘สึนามิ’ ปี 47 ในประเทศไทย
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย ‘ประเทศไทย’ เป็น 1 ใน 14 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งตามสรุปรายงาน ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น 8,212 คน รวมทั้งมีผู้บาดเจ็บ และสูญหายอีกเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีความเสียหายในด้านทรัพย์สิน ทั้ง บ้านเรือนของประชาชน โรงแรม ที่พักต่างๆ ร้านค้า ร้านอาหาร และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่ากว่าพันล้านบาท
โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานจุดที่มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุด ได้แก่
ชายทะเลเขาหลักในอุทยานแห่งชาติเขาหลัก ลำรู่ ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา รองลงมา คือ เกาะสิมิลัน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา , หาดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต , หาดกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต , หาดกมลา ต.กมลา อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต , หาดป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต , เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ และ บ้านหาดทรายขาว อ.สุขสำราญ จ.ระนอง
ศูนย์เตือนภัยสึนามิในแปซิฟิค
ศูนย์เตือนภัยสึนามิในแปซิฟิค ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นศูนย์การแจ้งเตือนภัยพิบัติระดับนานาชาติ ที่เฝ้าสังเกตการณ์ความเปลี่ยนแปลงระดับของน้ำ โดยจับสัญญาณเรด้าร์ ผ่านทุ่นกลางทะเล ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำการตลอด 24 ชั่วโมง
![](https://img-ha.mthcdn.com/2G-yMuStsBEnipejyIntWZspXjM=/news.mthai.com/app/uploads/2019/12/187.jpg)
ด็อกเตอร์ ชาร์ล แมคคลีรี่ย์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยสึนามิในแปซิฟิค กล่าวย้อนถึงเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 ขณะนั้นมีการแจ้งเตือนสัญญานแผ่นดินไหวขึ้น แต่เทคโนโลยีที่ยังไม่ทันสมัย การแจ้งเตือนที่ไม่ทันการ แต่ภัยพิบัติครั้งนั้นก็ทำให้เกิดความตื่นตัว มีระบบการจัดการภัยพิบัติในแต่ละประเทศที่ดีขึ้น
การพัฒนาระบบเตือนภัยสึนามิ
ผ่านมา 15 ปี ความก้าวหน้าของระบบเตือนภัยพิบัติสึนามิในประเทศไทยและทั่วโลกถือว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างศูนย์ต่างๆ ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าพื้นที่ไหนเกิดแผ่นดินไหว และอาจจะทำให้เกิดสึนามิตามมา
ปัจจัยสำคัญที่จะยิ่งทำให้ภัยพิบัติทวีความรุนแรง คือระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น อันเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน เมื่อเกิดภัยสึนามิ ก็จะทำให้ปริมาณน้ำที่พัดเข้าสู่ชายฝั่งสูงขึ้น พลังของน้ำจะพัดถล่มรุนแรงกว่าเดิม
ผู้เชี่ยวชาญภัยพิบัติย้ำถึงสิ่งที่ต้องตระหนักอยู่เสมอ คือภัยพิบัติสามารถเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ โดยเฉพาะในภูมิภาคอินโดแปซิฟิค ที่มีอัตราการเกิดภูเขาไฟถึงร้อยละ 75 การเกิดแผ่นดินไหวร้อยละ 90 ซึ่งนำไปสู่การเกิดสึนามิในหลายพื้นที่
ดังนั้นการสร้างความตระหนักรู้และสร้างองค์ความรู้ ในการเตรียมพร้อมรับมือให้ประชาชนจึงถือเป็นสิ่งสำคัญในยามที่ภัยพิบัติมาเยือนอีกครั้ง