ประเด็นน่าสนใจ
- ศาลดุสิตยกฟ้อง กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 44 คน กรณีชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2561
- สั่งปรับ“ลูกเกด” ในฐานะผู้จัดการชุมนุม 1,000 บาท เหตุไม่ดูแลผู้ชุมนุม
ศาลดุสิตยกฟ้อง กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 44 คน เหตุมีข้อสงสัยในพยานหลักฐานโจทก์ปรับ“ลูกเกด” ในฐานะผู้จัดการชุมนุม 1,000 บาท เหตุไม่ดูแลผู้ชุมนุม เจ้าตัวยัน เป็นการชุมนุมโดยชอบด้วยกฎหมาย ด้านทนายแจงผู้จัดดูแลแล้ว แต่ถูกเจ้าหน้าที่รบกวนทำให้ล่าช้า
ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่1229/2561 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษคดีแขวง 3 (แขวงดุสิต) เป็นโจทก์ฟ้องนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กับพวกกลุ่มคนอยากเลือกตั้งรวม 44 คนเป็นจำเลยที่ 1 ถึง 44 ฐานร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 44 ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายคือวันที่ 24 มี.ค. 2561 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยร่วมกับพวกที่แยกสำนวนดำเนินคดีที่ศาลอาญาและพวกที่ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้องอีกประมาณ 350 คน ร่วมกันชุมนุมทางการเมือง มีวัตถุประสงค์ปราศรัยแสดงความคิดเห็นเรียกร้องให้ยุบคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยนัดรวมตัวกันที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยไม่ได้รับอนุญาตและกีดขวางการจราจร
น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็วจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะในการชุมนุมดังกล่าว ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ เกิดการขัดขวางต่อประชาชนที่จะใช้ทางสาธารณะ ขอให้ลงโทษตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 เรื่องรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติลงวันที่ 1 เมษายน 2558 ข้อ 12 พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะพ. ศ. 2558 มาตรา 6,5(2),(4),16(1),(8),18,2830,31 พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 108,114,148 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,91,92 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 265,279
โดยวันนี้ นายเนติวิทย์ และจำเลยทั้ง 44 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมทีมทนายความและบุคคลใกล้ชิดที่มาให้กำลังใจจำนวนเกือบสามสิบคน
หลังจากฟังคำพิพากษา น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ” ศาลพิพากษายกฟ้องในส่วนที่เป็นผู้ชุมนุมทั้งหมด โดยศาลเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ ไม่มีพยานมายืนยัน มีเหตุแห่งความสงสัยว่าแต่ละคนมาชุมนุมอยู่จุดไหนอย่างไร มีการเคลื่อนขบวนหรือไม่ มีการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างไร ซึ่งพยานโจทก์ไม่มีใครยืนยัน
ดังนั้น ศาลเลยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย พิพากษายกฟ้องผู้ชุมนุมทั้งหมด ในส่วนของ ลูกเกด ในฐานะที่เป็นผู้แจ้งนัดการชุมนุมและเป็นผู้จัดการชุมนุม ศาลเห็นว่าเป็นผู้จัดมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลการชุมนุมให้เรียบร้อยและเลิกการชุมนุมตามกำหนดเวลา พิพากษาลงโทษปรับน.ส.ชลธิชา ในฐานะเป็นผู้จัดการการชุมนุม เป็นเงินจำนวน 1,000 บาท ซึ่งแยกกันกับในส่วนของผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม ทางผู้จัดได้มีการดูแลผู้ชุมนุมแล้ว แต่เกิดจากปัจจัยที่เจ้าหน้าที่มารบกวนการชุมนุม จึงทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง”
ด้าน น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า “ยืนยันว่าการชุมนุมในคดีนี้ เราทำขบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยและเป็นการชุมนุมที่ชอบด้วยกฎหมาย มีการแจ้งการชุมนุมล่วงหน้า ซึ่งตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 19 กำหนดหน้าที่ของตำรวจไว้ว่าในกรณีที่มีการเดินบนเส้นทางการจราจรบนถนน ตำรวจมีหน้าที่จัดการจราจร และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
ดังนั้น ข้อหาที่เราถูกกล่าวหาว่าไม่ดูแลการจราจร หรือทำให้เกิดผลกระทบกับคนอื่น จึงเป็นหนึ่งในกระบวนการที่เราต่อสู้ได้ อีกทั้ง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 20 ระบุว่า ตำรวจต้องช่วยประชาสัมพันธ์เรื่องของการชุมนุมทั้งก่อน ระหว่างชุมนุม และหลังการชุมนุม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้อื่น เราในฐานะผู้จัดการชุมนุมเราทำตามกฎหมาย แต่ก็สู้กันต่อว่าในระหว่างการชุมนุม การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชอบด้วยกฎหมายมากน้อยเพียงใด โดยหลังจากนี้ อาจจะต้องขอคุยกับทนายความเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อไป”