คลุมถุงดำ ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้กำกับโจ้

สรุป / ติดตามคดีผู้กำกับโจ้ และพวก ใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาเสียชีวิต

28 ส.ค. ผู้ต้องหาทั้ง 7 คนในคดีนี้ ถูกส่งไปฝากขังที่ เรือนจำกลางพิษณุโลกหมดแล้ว

Home / NEWS / สรุป / ติดตามคดีผู้กำกับโจ้ และพวก ใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาเสียชีวิต

ทางลัดประเด็นต่าง ๆ

ความคืบหน้าล่าสุดคดีผู้กำกับโจ้

28 ส.ค.

  • กองปราบปรามรับดูแลคดีผู้กำกับโจ้ต่อหลังจากมีคำสั่งให้โอนย้ายคดีมายังกองปราบปราม เพื่อให้มีความคล่องตัวในการสอบสวน เพื่อขยายผลต่อไป
  • เตรียมการสอบขยายผลเส้นทางการเงิน ทรัพย์สิน รวมถึงสอบประวัติ พฤติกรรม จนท.ที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด
  • อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ได้ย้ายผู้ต้องหาในคดีนี้ ทั้ง 7 รายไปยังเรือนจำกลางพิษณุโลกแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยแยกขังจากผู้ต้องหาคนอื่น ๆ ป้องกันการพบกับผู้ต้องขังที่เคยถูก ผกก.โจ้ จับกุม
  • พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ระบุว่า กรณีที่ผกก.โจ้อ้างว่ามีการล่อซื้อยาเสพติดนั้น พบว่ามีบันทึกการล่อซื้อยาเสพติด เป็นเลขธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อ โดยตร.ชุดดังกล่าว ได้เข้าไปล่อซื้อยาเสพติด บริเวณถนนเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ในช่วงค่ำวันที่ 4 ส.ค. ซึ่งค้นตัวผู้เสียชีวิตพบยาไอซ์ และยาบ้า เมื่อตรวจสอบโทรศัพท์พบ รูปถ่ายยาเสพติด จึงมีการนำตัวมาขยายผล

    รองผบ.ตร.ระบุว่า ต้องแยกระหว่างการจับกุม – ล่อซื้อ ซึ่งเป็นไปตามวิธีของตำรวจ แต่การใช้ถุงคลุมศีรษะจนเสียชีวิตนั้นเป็นคนละส่วนกัน และเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ

27 ส.ค.

  • บ่าย – ตำรวจ ได้นำตัว พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล และร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา ไปยื่นฝากขังต่อศาล พร้อมทั้งยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยศาลได้อนุญาตฝากขัง และได้นำตัวผู้ต้องหาส่งเรือนจำนครสวรรค์

    โดยจนท.เรือนจำ ได้ส่งตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ไปฝากขังที่เรือนจำกลางพิษณุโลก แทน เนื่องจากมีความมั่นคงสูงกว่าเรือนจำกลางนครสวรรค์ ที่เป็นเรื่อนจำเก่า และคดีอุกฉกรรจ์ นอกจากนี้สถานการณ์โควิด ผู้ต้องขังใหม่จะนำไปฝากขังที่ เรือนจำชั่วคราวที่มีความมั่นคงน้อยกว่า
  • 11.00 น. – ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์  ได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดี ต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด จากกรณีการเผยแพร่ข้อความเท็จ หลังจากผู้กำกับโจ้ ได้ระบุว่า ไม่มีทนายรายใดเรียกตบทรัพย์แต่อย่างใด นอกจากนี้เตรียมจะเดินทางไปยังสภาทนายความอีกด้วย
  • 06.00 น. – มีการนำตัวพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล / ผู้กำกับโจ้ และ ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา ออกมาเพื่อนำไปทำแผนที่จุดเกิดเหตุบริเวณบ้านกาแฟ ในพื้นที่ของ สภ.เมืองนครสวรรค์
  • 01.30 น. – พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ที่ถูกนำตัวจากกองปราบปราม, กรุงเทพฯ เดินทางมาถึง สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยยังยืนยันข้อความที่แถลงไปก่อนหน้า ระบุว่า เจตนาเพียงต้องการทำงานเท่านั้น
  • เที่ยงคืน – ร.ต.ท.ธรนินทร์ มาศวรรณา หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีนี้ ถูกนำตัวมาถึง สภ.เมืองนครสวรรค์ หลังจากหลบหนีไปและถูกควบคุมตัวได้ที่จังหวัดเพชรบุรี

สรุปประเด็นในการแถลงการจับกุมผู้กำกับโจ้ (26 ส.ค.)

จากเหตุที่เกิดขึ้นในวันที่ 5 ส.ค. นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ต้องหา ตามมาด้วยมีข่าวการเสียชีวิต-คลิป ตามที่รายงานก่อนหน้านี้ ตร. ได้ออกหมายจับตร.ทั้ง 7 ราย โดย 5 คนแรกถูกควบคุมตัวอยู่ที่นครสวรรค์, ผกก.โจ้ ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองปราบปราม ส่วนอีกหนึ่งรายถูกควบคุมตัวอยู่ที่ ประจวบฯ จะนำตัวมายังนครสวรรค์

  • ผบ.ตร. ระบุ ในการจับกุมที่เกิดขึ้น ก็มีการจับกุมแล้ว ยืนยันถึงการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าใครทำผิด ตั้งแต่ผบ.ตร.ลงไปทำผิด ก็จะต้องโดนลงโทษ
  • ไม่มีการนำตัวผกก.โจ้มาแถลง แต่จะใช้การโฟนอินเข้ามา ซึ่งทางผบ.ตร. ได้กล่าวย้ำกับทาง ผกก.โจ้ ระบุว่า การพูดที่เกิดขึ้น จะเป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล โดยทาง ผกก.โจ้ ตอบกลับว่า มีทนายความ, ตร. อยู่ร่วมด้วยในการโฟนอินเข้ามา ยืนยันเต็มใจตอบคำถามสื่อฯ
  • ผกก.โจ้ ขอให้ข้อมูลในรายละเอียดในชั้นศาล
  • การจับกุม ยาไอซ์ 1 กก. ยาบ้าอีกส่วนหนึ่ง
  • สิ่งที่กระทำลงไปไม่ถูกต้อง แต่ทำไปเพื่อต้องการสอบสวนเพิ่ม
  • ยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ในการสั่งลูกน้องให้ทำ
  • ไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด
  • ถุงสวมหัวนั้นเพื่อไม่ต้องการให้เห็นหน้า
  • ที่ต้องล็อกกุญแจมือผู้เสียชีวิตเนื่องจากผู้เสียชีวิตฉีกถูก – ในขณะที่เกิดขึ้น ก็ตกใจ จึงไม่ได้รายงานและหนี – (เหตุในคลิป) ผู้เสียชีวิตในตอนนั้นมีชีพจรอยู่ แต่อ่อน ๆ จึงมีการปั้มหัวใจ และนำส่งตัว รพ. – ยืนยัน ตั้งใจทำงาน แต่พลาดไป
  • ส่วนที่บอกให้แพทย์ ลงข้อมูลว่า ผู้เสียชีวิตจากเสพยา เนื่องจากแฟนผู้ตายระบุว่า ผู้ตายเคยเสพยามาก่อน จึงได้ให้ข้อมูลไป
  • ขออภัยผู้ที่เกี่ยวข้อง, ผบ.ตร. และตร. ในสิ่งที่เกิดขึ้น ระบุว่า ตกใจ และไม่ทันได้คิดอะไร
  • ยืนยันไม่มีการเรียกรับเงิน ไม่เคยมีการซ้อมผู้ต้องหามาก่อน
  • ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นรายแรกที่ลงมาด้วยตัวเอง เนื่องจากเป็นผู้ค้ารายใหญ่ คาดมีของเยอะมาก
  • ยืนยัน เป็นผู้สั่งการคนเดียว ลูกน้องไม่เกี่ยวข้อง
  • การสวมถุงจำนวนมาก เพราะต้องการไม่ให้ผู้เสียชีวิตเห็นหน้า
  • ไม่เคยทำมาก่อน, เคสนี้เป็นเคสแรก
  • กรณีถอดกล้องวงจรปิด ยอมรับเป็นคนสั่ง เนื่องจากตกใจ จึงสั่งลูกน้องถอดกล้องวงจรปิด
  • ซึ่งไม่ทราบมาก่อนว่ามีกล้องวงจรปิดในห้อง
  • มีการจับกุมตัวมา สอบสวน จึงยังไม่ได้บันทึกการจับกุม
  • รองผบ.ตร. ขอให้รายละเอียดอื่น ๆ อยู่ในสำนวนตามกฎหมาย ซึ่งหากสอบถามเพิ่มอาจจะมีผลต่อสำนวนได้
  • ขั้นตอนต่อจากนี้ รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมดำเนินคดีต่อไป ในทุกประเด็น เพื่อตอบคำถามที่เกิดขึ้นในสังคมใหได้
  • จะมีดำเนินตัวไป นครสวรรค์ เนื่องจากอยู่ในระหว่างสอบสวน

กรณีการมอบตัวตัว

  • ผกก.โจ้ ได้ติดต่อ รอง ผบช.ภ.6 ตอนห้าทุ่มโดยระบุจะฆ่าตัวตาย
  • รอง ผบช.ภ.6 ได้บอกว่า หากเสียชีวิตไป ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรให้กับทาง สตช. ลูกผู้ชายทำผิดให้ยอมรับผิด
  • ผกก.โจ้ ได้นัดมอบตัวที่ สภ.แสนสุข โดยให้รอง ผบช.ภ.6 มายืนรอคนเดียว
  • เมื่อถึงเวลานัด ผกก.โจ้ ได้เดินทางมา โดยมีการสวมหน้ากากอนามัย ทำให้ท่านรองฯ ไม่ทันได้ดูทะเบียนรถที่ขับมาส่ง
ภาพผู้กำกับโจ้ ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองปราบปราม ( 26 ส.ค. – 20.00 น.)

26 ส.ค. –

  • 20.00 น. – ยืนยัน ผู้กำกับโจ้ ถูกควบคุมตัวมาที่กองปราบปรามแล้ว
  • 19.30 น. – มีรายงานว่า สามารถควบคุมตัว ร.ต.ท.ธรนินทร์ มาศวรรณา ได้แล้ว (รอการยืนยันซ้ำอีกครั้ง)
  • 16.30 น. – พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ระบุ ยังจับกุมตัวผู้กำกับโจ้ ไม่ได้
  • 16.00 น. – มีรายงาน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ได้แล้ว หลังจากมีการติดตามจับกุม และมีรายงานว่า ผู้กำกับโจ้ จะมีการติดต่อขอมอบตัว
  • 14.30 น. – (เบื้องต้น) ศาลไม่อนุญาติให้ประกันตัว 5 ตำรวจผู้ร่วมก่อเหตุในคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่จะหลบหนี
  • 13.30 น. – DSI แถลงประเด็นรถหรูของผู้กำกับโจ้ เบื้องต้นพบชื่อเคยเป็นผู้ครอบครอง 1 คัน ในคดีที่มีบริษัทนำเข้าหลบเลี่ยงภาษีนำเข้า มูลค่ากว่า 31 ล้านบาท แต่ยังไม่พบความเกี่ยวข้องในลักษณะตัวการร่วม พบเพียงมีชื่อครอบครองรถเท่านั้น
  • 12.30 น. – มีคำสั่งศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ให้พ้นจากสภาพการเป็นจิตอาสา 904 ลงวันที่ 25 ส.ค.
  • 10.00 น. – ตำรวจได้นำตัว ตำรวจผู้ต้องหาทั้ง 5 รายที่ถูกจับกุมแล้ว นำตัวไปยื่นฝากขังต่อศาลแล้ว โดยมีญาติตำรวจผู้ต้องหาบางส่วนได้เตรียมเอกสารยื่นขอประกันตัว
  • 08.00 น – แต่งตั้งพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ หัวหน้าที่สอบสวนคดีผู้กำกับโจ้ ทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดเรียกรับเงิน 2 ล้านจนเสียชีวิต
  • 06.00 น – ยังคงหลบหนีอยู่อีก 2 คน คือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล และ ร.ต.ท.ธรนินทร์ มาศวรรณา รองสารวัตรป้องกันปราบปราม

25 ส.ค. –

  • ศาลได้ออกหมายจับพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ กับพวกรวม 7 คนในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยเจตนา
  • ตำรวจเข้าค้นบ้านผู้กำกับโจ้ ในพื้นที่เขตคลองสามวา กทม. แต่ไม่พบตัวผู้กำกับโจ้ พบเพียงลูกจ้างชาวพม่า นอกจากนี้ พบรถยนต์จำนวน 13 คันมูลค่านับร้อยล้านบาท
  • เจ้าหน้าที่จะมีการเข้าจับกุม ผู้ต้องหา 5 คน ยังคงเหลือหลบหนีอยู่อีก 2 คน
    (จับกุมได้เมื่อช่วงกลางวัน 4 ราย และช่วงเย็นที่ผ่านมาจับกุม ด.ต.วิสุทธิ์ หรือดาบโบ้ ได้อีกหนึ่งราย)
    • พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล (ผกก.โจ้)
    • ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา รองสว.(ป.)
  • พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งให้ติดตามตัว ผกก.โจ้ มาดำเนินคดี โดยให้เฝ้าระวังด่านชายแดนทุกช่องทาง และตามจับให้ได้
  • สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน 6 ตำรวจในคดีนี้แล้ว (ส่วนผู้กำกับโจ้ มีคำสั่งไปก่อนหน้านี้แล้ว)

ลำดับเหตุการณ์

5 ส.ค. 64 : เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนครสวรรค์เข้าจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 2 คน บนถนนสายเลี่ยงเมือง นครสวรรค์ ได้ผู้ต้องหาเป็นชาย 1 ราย, หญิง 1 ราย โดยพบยาบ้าจำนวน1 แสนเม็ด โดยมีการแยกสอบผู้ต้องหาทั้งสอง และได้นำตัว ผู้ต้องหาชาย ไปสอบที่บ้านกาแฟ ซึ่งเป็นที่ทำงานของชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด ที่อยู่ด้านข้างสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์

ประเด็นสำคัญในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

  • ระบุว่า มีการเรียกรับเงินจากผู้ต้องหารายนี้
  • ภายหลังผู้ต้องหายินดีจ่ายเงินให้จำนวน 1 ล้านบาท
  • แต่ผู้กำกับโจ้ เรียกเพิ่มเป็น 2 ล้านบาท นำไปสู่การแยกตัวสอบ และเสียชีวิตของผู้ต้องหารายนี้
  • ภายหลังได้มีการปล่อยตัวผู้ต้องหาหญิง โดยอ้างว่า ไม่ให้พูดอะไร แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี

โดยต่อมาจากคลิปเหตุการณ์ที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้นำมาเผยแพร่นั้น ระบุเวลาในกล้องวงจรปิดไว้เป็นเวลาประมาณช่วง 13.14 น. ได้มีการนำตัวผู้ต้องหาชายเข้ามาในห้องพร้อมด้วยถุงดำครอบศีรษะ และตามมาด้วยเหตุการณ์การเสียชีวิตของผู้ต้องหารายนี้

ต่อมาได้มีการนำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลในช่วงค่ำ (19.20 น.) ให้มีการแจ้งกับทางแพทย์ระบุสาเหตุว่า เสพยาเกินขนาด วิ่งหนี และเกิดหัวใจวาย ระบุเวลาการเสียชีวิตเบื้องต้น 13.20 น. ของวันที่ 6 ส.ค. 64

6 ส.ค. 64 : ได้ออกผลชันสูตร โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์ โดยระบุสาเหตุว่า เสียชีวิตจากพิษสารแอมเฟตามีน โดยระบุว่า การตรวจคัดกรองปัสสาวะ พบสารเมทแอมเฟตามีน และสารแอมเฟตามีน

ระหว่าง 7 – 22 ส.ค. : มีรายงานการว่า

  • ทางผู้กำกับโจ้ หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ได้มีการนัดเคลียร์ พ่อ-แม่ผู้เสียชีวิต

22 ส.ค. 64 :

  • มีกระแสข่าวจากการเสียชีวิตที่เกิดขึ้น ว่าจะมีการร้องเรียนถึงเหตุการณ์นี้
  • จนกระทั่งทาง เพจทนายคลายทุกข์เปิดประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ทำให้เกิดกระแสขึ้นมา นำไปสู่คำสั่งให้มีการสอบข้อเท็จจริงในประเด็นที่เกิดขึ้น
  • มีข่าวรายงานว่า ผู้กำกับโจ้ ปฏิเสธไม่ได้ซ้อมหรือทำร้าย, ไม่มีการซ้อม

23 ส.ค. 64 –

  • มีคำสั่งจาก พล.ต.ท.อภิชาติ​ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 สั่งย้ายด่วน พ.ต.อ.ธิติสรรค์​ อุ​ท​ธน​ผล​ ผกก.สภ.เมืองนคร​สวรรค์​ ไปช่วย​ ศปก.ภ.6 ให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมทั้งสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว
  • พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ สั่งเรียกประชุมชุดจับกุมทั้งหมด 10 นาย (รวมผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์​ อุ​ท​ธน​ผล)
  • พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จเรตำรวจ ลงพื้นที่

24 ส.ค. 64 –

  • พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส)​ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
  • ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊ก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคดีนี้ ทำให้เกิดกระแสจนสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการตำรวจอย่างมาก
  • ช่วงค่ำ จะมีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ออกจากราชการไว้ก่อน จากในคดีทำร้ายร่างกายโดยการทรมาน นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด เรียกรับเงินจำนวน 2 ล้าน จนเสียชีวิต
  • มีการสอบปากคำญาติผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม

25 ส.ค. 64 – ตำรวจออกหมายจับที​่ 187/2564 ตำรวจผู้เกี่ยวข้องให้คดี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำนวน 7 คน

  • พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล
  • พ.ต.ต.รวิโรจน์ ดิษทอง
  • ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค
  • ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา
  • ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น
  • ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว
  • ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว

ต่อมาโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง การออกหนังสือรับรองการตาย กรณี สันนิษฐานว่าพิษจากสารแอมเฟตามีน โดยระบุว่า เป็นการออกหนังสือรับรองการตาย เพื่อให้ญาตินำไปทำใบมรณบัตร เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น


ประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในคดีผู้กำกับโจ้

เนื่องจากในคดีนี้ มีประเด็นเกิดขึ้นหลายประเด็น จึงขอสรุปประเด็นที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ประเด็นสำคัญ ๆ ไว้คือ

ปมรถหรูผู้กำกับโจ้ เลี่ยงภาษี

DSI ได้แถลงผลการตรวจสอบ กรณีมีที่มีรายงานว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ครอบครองรถหรู – หลบเลี่ยงภาษี โดยผลการตรวจสอบในขณะนี้ (26 ส.ค.) พบว่า รถหรูยี่ห้อ ลัมโบกินี่ ที่ยึดได้ที่บ้านผู้กำกับโจ้ นั้น เป็นรถยนต์ถูกนำเข้ามาจาก ตปท. โดยมีบริษัทที่มีผู้นำเข้าและหลบเลี่ยงภาษีโดยแสดงราคาต่ำกว่าปรกติ มีผู้ต้องหา 8 รายเป็นของทางบริษัทผู้นำเข้า โดยคิดเป็นมูลค่าภาษีจะต้องเก็บคืน 31 ล้านบาท ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีของ DSI มีการส่งสำนวนการสอบสวนไปให้อัยการแล้วตั้งแต่เมื่อเดือน สิงหาคม ปี 2562

ซึ่งรถดังกล่าวมีชื่อผู้กำกับโจ้ เป็นชื่อครอบครองครั้งแรก และมีการโอนชื่อไปยังผู้อื่นแล้วเมื่อ ก.พ. 2564 ในความเกี่ยวข้องในขณะนี้ เป็นการมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถนำเข้า และเป็นการซื้อโดยปรกติ ผ่านการผ่อนชำระ ซึ่งทาง DSI จะมีการตรวจสอบเพิ่มว่า มีส่วนรู้เห็นในการนำเข้าหรือไม่

ประเด็นระหว่างทนาย

หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปโดยทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็ได้มีการเปิดประเด็นอีกครั้งโดยระบุว่า ก่อนที่ตนเองจะได้รับคลิปเหตุการณ์ในคดีนี้ ได้มีตำรวจชั้นผู้น้อยได้มีการส่งคลิปให้กับคนคนหนึ่งก่อน แต่คนที่ได้รับกลับนำคลิปไปเรียกขอผลประโยชน์ พร้อมกันนี้ ทางด้านของนายษิทรา ยังได้อัปโหลดภาพแคปเจอร์ไว้ ที่ระบุว่าเป็นแชทที่คุยกับตำรวจชั้นผู้น้อยที่ส่งคลิปให้ โดยได้มีการเซ็นเซอร์จุดที่เป็นชื่อผู้รับคลิปดังกล่าวก่อนหน้าทนายษิทรา

หลังจากโพสต์ของทนายษิทราเผยแพร่ไม่นาน เพจทนายคลายทุกข์ของทนายเดชา ก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า การเผยแพร่คลิปคดีนี้ ทำให้คนร้ายหลบหนีไปได้ ทำให้เกิดความเสียหายในกระบวนการ

ในขณะเดียวกัน ทางเพจทนายนิด้า ก็ได้แสดงความเห็นถึงกรณีการนำคลิปมาเปิดเผยอาจทำให้เสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมได้ โดยระบุว่า เป็นการขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมให้เร็วยิ่งขึ้นได้ ซึ่งต้องใช้ความกล้าหาญด้วย เพราะมีความเสี่ยงให้ภัยมาถึงตัวได้

นอกจากนี้ ทนายนิด้ายังได้ ให้ความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า การที่ผู้กำกับโจ้หลบหนีไปได้ ไม่น่าเป็นผลโดยตรงจากคลิป เพราะหากคดีนี้ไม่ใช่ผู้กำกับ ตำรวจคงไปดักรอที่บ้านแล้ว ซึ่งทนายนิด้าได้ทิ้งท้ายไว้ว่า มันเกิดจากกระบวนการยุติธรรมที่อ่อนแรงเอง

และในเวลาต่อมา เพจทนายคลายทุกข์ก็ได้โพสต์อีกครั้งหนึ่งระบุว่า หากเรื่องนำคลิปไปตบทรัพย์ตำรวจเป็นเรื่องจริง ให้นำไปแถลงข่าวได้เลย แต่กังวลว่าจะเป็นเพียงการใส่ร้ายผู้อื่น

ด้านของทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้ตั้งประเด็นคำถามข้อสงสัยต่อประเด็นที่เกิดขึ้นว่า มีการยื่นข้อเสนอ 20 ล้านแลกคลิปจริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้ระบุต่อไปอีกว่า การได้คลิปมาแล้วไม่เปิดเผย ยิ่งเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมมากกว่า ซึ่งหากตนเองได้คลิปมา 1 อาทิตย์ก่อน และไม่นำมาเปิดเผย ตามเจตนาของตำรวจชั้นผู้น้อย – ไม่ส่งหลักฐานให้ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ คงจะเป็นทนายที่แย่

26 ส.ค. – ทนายเดชา เตรียมฟ้อง ทนายษิทรา

หลังจากที่มีการจับกุมตัวผู้กำกับโจ้ได้เป็นที่เรียบร้อย และมีระบุคำให้การว่า ไม่มีทนายเรียกตบทรัพย์จากการปล่อยคลิปแต่อย่างใด ตามที่เป็นข่าวรายงานมาก่อนหน้านี้ ทำให้เตรียมจะฟ้องดำเนินคดีต่อทนายษิทรา ในพรุ่งนี้ ( 27ส.ค.) ที่ สน.โคกคราม

ทางด้านของทนายษิทรา ระบุว่า ไม่กังวลในประเด็นนี้แต่อย่างใด (อ้างอิง)

ทนายเกิดผลระบุ เรียงความไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่

หลังจากที่มีการแถลงข่าวการจับกุมผู้กำกับโจ้ ทางด้านทนายเกิดผล แก้วเกิดได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากคลิปจากกล้องวงจรปิดไม่มี คงไม่ยอมรับ ก่อนเผยแพร่คลิป ยังบีบน้ำตาอยู่เลย หนีไปเขียนเรียงความ ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่

ซึ่งช่วงแรกที่ยังไม่มีคลิปนั้น ระบุว่า ไม่เคยทำ ไม่เคยซ้อม พอมีคลิปมีการหลบหนีโดยอ้างว่าตกใจ ไปตั้งหลัก ไม่ได้เจตนาทำให้ตาย ซึ่งในประเด็นถุงคลุม 6 ใบนี้ ทนายเกิดผลระบุว่า “เจตนาเล็งเห็นผล”

ส่วนกรณีของการระบุว่า เป็นการกระทำครั้งแรก แต่ก็มีรายงานโจทก์ถูกกระทำมาก่อนหน้านี้ รวมถึงประเด็นทรัพย์สินที่ได้มาด้วย


ประเด็นหนังสือรับรองการตายจากโรงพยาบาล

ปัญหาแรก – ใบรับรองการเสียชีวิต หรือ ทร.4/1 รวมถึงกรอบการแจ้งเสียชีวิตนั้น ถูกกำหนดด้วยกรอบเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งการชันสูตรโดยละเอียดจึงเป็นไปได้ยาก

ในคดีนี้มีประเด็นเรื่องของหนังสือรับรองการเสียชีวิตที่ออกโดยโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ซึ่งตามกฎหมายแล้ว หากมีผู้เสียชีวิตสำหรับกรณีเสียชีวิตนอกบ้าน มีขั้นตอนดังนี้ คือ

  1. ให้ญาติ หรือผู้พบศพบ แจ้งต้องเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเช่น ผู้ใหญ่บ้าน, กำนัน หรือตำรวจ
  2. นำร่างให้แพทย์ชันสูตร ออกใบรับรองการเสียชีวิต
  3. นำใบรับรองการเสียชีวิตแจ้งต่อนายทะเบียนในท้องที่ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อจัดทำใบมรณะบัตรสำหรับนำไปใช้ในการจัดการศพ

ซึ่งทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ มีข้อกำหนดอยู่คือ “ภายใน 24 ชั่วโมง” เพื่อออกใบมรณะบัตรต่อไป หากไม่มีใบรับรองการเสียชีวิตจากทางแพทย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฏร์ ก็จะไม่บันทึกข้อมูลให้ หรือหากมีการระบุว่า “เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ” ก็จะไม่ได้เช่นกัน

ปัญหา 2 – สาเหตุจากการเสียชีวิตจากแอมเฟตามีน

ในกรณีที่ผู้ต้องหารายนี้เสียชีวิต โดยมีการระบุผลชันสูตรที่ระบุในหนังสือรับรองการเสียชีวิตว่า “สันนิษฐานว่า มาจากพิษจากสารแอมเฟตามีน” นั้น มีรายงานระบุว่า มีการตรวจเบื้องต้นพบระดับแอมเฟตามีนในร่างกาย ร่วมกับหัวใจมีร่องรอยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นจุดๆ ซึ่งเป็นลักษณะที่พบได้ในกลุ่มผู้รับแอมเฟตามีนเกินขนาด จึงมีการลงสาเหตุเบื้องต้นไปในประเด็นดังกล่าว

แต่ผลตรวจเลือดในผลการตรวจชันสูตร อย่างละเอียดที่จะชี้ชัดเจนว่า เป็นผลให้เสียชีวิตจริงหรือไม่นั้นต้องใช้เวลา และสรุปสิ่งที่ได้ออกมาต้องใช้เวลาเกิน 24 ชั่วโมง แต่ด้วยกรอบเวลาจากใบรับรองการเสียชีวิต จึงจำเป็นต้องลงผลเบื้องต้นไปก่อน

ปัญหาที่ 3 – กรณีที่ระบุว่า มีการขอจากตำรวจให้ลงว่า เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด

ในประเด็นนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในหลายส่วน มีข้อมูลตรงกันว่า มีการร้องขอจริง ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปรกติ เนื่องจากในส่วนของหน้าที่แพทย์ชันสูตรจะพิจารณาจากผลการชันสูตร และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทราบในส่วนนี้เช่นกัน

ซึ่งเมื่อผลการชันสูตรเบื้องต้น พบว่า มีความเป็นไปได้ของการเกิดจากการได้รับแอมเฟตามีนเกินขนาด จึงได้มีการลงในใบรับรองการเสียชีวิตไปก่อนตามกรอบเวลาที่จะต้องนำแจ้งเพื่อทำใบมรณะบัตร

สิ่งที่น่าสนใจ – เวลาก่อนการเสียชีวิต

จากข้อมูลในคลิปวิดีโอที่ทางทนายษิทรา นำมาเผยแพร่จะเห็นเวลาที่เกิดเหตุการณ์ คือเวลาประมาณ 13.14 น. และเกิดขึ้นราว 6 นาที โดยในช่วงท้ายของคลิปจะเห็นว่ามีการปั้มหัวใจให้ผู้เสียชีวิตด้วย

แต่ในข้อมูลจากโรงพยาบาลปรินส์ปากน้ำโพ ระบุว่า ได้รับร่างของผู้เสียชีวิตในช่วงเวลา 19.20 น. ก่อนที่จะเสียชีวิตในวันที่ 6 ส.ค 64 เวลา 13.20 น. ซึ่งนั่นแสดงถึงการที่ผู้เสียชีวิตในคดีนี้ ยังคงมีชีวิตอยู่ต่ออีกเกือบ 24 ชม.


ประวัติผู้กำกับโจ้ / พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล

ผู้กำกับโจ้ หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 57 ฉายาโจ้ เฟอร์รารี่ ได้มาจากการที่เป็นเจ้าของรถสปอร์ต ลัมบอร์กินี รุ่น Aventador LP 720-4 50 Anniversario คนแรกในประเทศไทย และมีรถสปอร์ตสะสมอีกหลายคัน

โดยที่ผ่านมา รับราชการตำรวจและปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะสายงานในช่วงหลังที่เป็นงานด้านการปราบปราบยาเสพติดที่ถือว่า โดดเด่นมาก จนได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่

  • 2557 สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1
  • 2561 รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4
  • 2562 รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพิษณุโลก
  • 2563 ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์

บ้านกาแฟ สถานที่เกิดเหตุ

จุดที่เกิดเหตุตามคลิปที่ทนายษิทรา เผยแพร่นั้น ถูกระบุว่า เป็นบริเวณบ้านกาแฟ หรือบ้านเหลืองที่เป็นชื่อเรียกกัน โดยในพื้นที่ดังกล่าว เดิมเป็นบ้านไม้ 2ชั้นที่ถูกใช้เป็นร้านขายกาแฟ กลายเป็นชื่อเรียกต่อ ๆ กันมา จนภายหลังได้มีการปรับปรุง – ต่อเติมพื้นที่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานของชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด


คำถามที่เกิดขึ้นจากในปมคดีนี้

เป็นเรื่องปรกติของตำรวจหรือไม่?

ในการสอบสวน สืบสวน ของตำรวจที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องปรกติที่ทางเจ้าหน้าที่ใช้กันหรือไม่? ซึ่งหลายแหล่ง, หลายคนล้วนแต่มีการบอกเล่าถึงเหตุการณ์คล้ายๆ กัน แม้แต่ทนายเกิดผล แก้วเกิด ก็ยังระบุถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตนเอง เมื่อตอนอายุ 15 ปี ในลักษณะคล้ายกันนี้ด้วยเช่นกัน

ในขณะที่นายสันธนะ ประยูรรันตน์ ก็ได้กล่าวในรายการ “ถกไม่เถียง” ระบุถึง “เทคนิคการสอบสวน” ที่คล้ายกันนี้ที่เคยเกิดขึ้นและเคยทำมาก่อน

เมื่อการชันสูตรต้องใช้เวลา-การรับรองการเสียชีวิตควรแก้ไขหรือไม่?

จากในกรอบของเวลา 24 ชั่วโมงของการแจ้งตายของฝ่ายปกครอง การออกใบมรณะบัตร และส่งผลให้แพทย์ชันสูตรจำเป็นต้องออกหนังสือรับรองการตายออกไปก่อน ซึ่งแม้ว่าท้ายหนังสือรับรองการตาย จะระบุไว้ว่า ไม่มีผลทางกฎหมายก็ตาม

  • แต่นั่นดูเหมือนเป็นเพียงช่องทางหนึ่งในการแก้ปัญหาแบบดินพอกหางหมูหรือไม่?
  • ในคดีอื่น ๆ เมื่อออกใบมรณะบัตร ญาติรับใบมรณะบัตร นำร่างไปทำพิธี และหากผลชันสูตรละเอียดออกมาขัดแย้งกัน จะทำอย่างไรต่อไป ถ้ามีการเผาร่างผู้เสียชีวิตไปแล้ว?
  • สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ถูกใช้เป็นช่องโหว่ในการปกปิดความผิดได้หรือไม่?
  • และเราจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร

คำถามสุดท้าย – การปฏิรูปตำรวจที่มีการพูดถึงอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมาจะเกิดขึ้นและเห็นผลจริงเมื่อไหร่?