ประเด็นน่าสนใจ
การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานถึง6 เดือนมีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและตำรวจหลายต่อหลายครั้งและได้ทวีความรุนแรงกลายเป็นวิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในยุคสมัยใหม่
จุดเริ่มต้นของการประท้วงเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเพื่อต่อต้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจีนอาจใช้อำนาจจากร่างกฎหมายนี้ลงโทษพลเมืองฮ่องกงที่เห็นต่างทางการเมืองภายใต้ระบบกฎหมายที่คลุมเครือ
ต่อมาการประท้วงได้ยกระดับเป็นการต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงลุกลามกลายเป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยแบบสากลและไม่ต้องการจำนนอยู่ภายใต้การปกครองแบบ1 ประเทศ2 ระบบซึ่งจีนกำลังคุกคามฮ่องกงมากขึ้นในปัจจุบัน
ข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงฮ่องกง5 ข้อได้แก่
1.ถอนร่างกฎหมายผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการ
2.จัดตั้งการสืบสวนอิสระต่อการใช้ความรุนแรงของตำรวจ
3.ถอนการใช้คำจำกัดความการประท้วงว่าเป็น“การก่อจลาจล”
4.ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมในระหว่างเกิดการประท้วง
และ5. ให้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งแบบสากลให้แก่ประชาชนฮ่องกง
โดยในเวลาต่อมาแม้ว่ารัฐบาลจะประกาศถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการก็ยังไม่อาจทำให้สถานการณ์ความรุนแรงจากการประท้วงผ่อนคลายลงได้ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงบอกว่ารัฐบาลถอนร่างกฎหมายนี้ในเวลาที่สายเกินไป
สถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงถึงขีดสุดของปีที่แล้วคือช่วงที่กลุ่มผู้ประท้วงยึดมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคเป็นสถานที่ปักหลักชุมนุมติดต่อกันหลายสัปดาห์ด้านตำรวจได้นำกำลังปิดล้อมมหาวิทยาลัยโดยรอบเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงโดยตำรวจกล่าวหาว่าผู้ประท้วงใช้เขตมหาวิทยาลัยเป็นเหมือนแหล่งเก็บอาวุธ
ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่และอาจารย์มหาวิทยาลัยยืนยันเข้าไปเกลี่ยกล่อมนักศึกษาที่อยู่ในมหาวิทยาลัยให้ออกมาเนื่องจากพวกเขาไม่มีเสบียงที่มากเพียงพอและอ่อนล้าจากการปะทะกับตำรวจเป็นระยะเวลานาน
ในที่สุดตำรวจก็ใช้กำลังกดดันจนผู้ประท้วงกลุ่มสุดท้ายยอมออกจากพื้นที่ของมหาวิทยาลัย
ถัดจากความรุนแรงครั้งสำคัญของการประท้วงที่จบลงได้ไม่นาน
ปลายเดือนพฤศจิกายนฮ่องกงจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นซึ่งฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายกวาดที่นั่งในสภาเกือบร้อยละ90 จากจำนวนที่นั่งในสภาทั้งหมด452 ที่นั่ง
ไม่ว่าจะด้วยการเรียกร้องบนถนนหรือการแสดงออกผ่านการโหวตชาวฮ่องกงได้ส่งสัญญาณชัดเจนไปยังรัฐบาลฮ่องกงและรัฐบาลจีนและแน่นอนว่าจนกระทั่งถึงสิ้นปีนี้ความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างพลเมืองฮ่องกงกับรัฐบาลก็ยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายได้เลย