ปลดล็อกกระท่อม พืชกระท่อม

ปลด ‘พืชกระท่อม’ ออกจากยาเสพติดให้โทษมีผล 24 ส.ค.นี้ ซื้อ-ขายได้

พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ มีผล 24 สิงหาคม นี้ ผู้กระทำผิดกรณีพืชกระท่อมได้ปล่อยตัวทันที 1,038 คน

Home / NEWS / ปลด ‘พืชกระท่อม’ ออกจากยาเสพติดให้โทษมีผล 24 ส.ค.นี้ ซื้อ-ขายได้

ประเด็นน่าสนใจ

  • พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ มีผล 24 สิงหาคม นี้
  • ผู้กระทำผิดกรณีพืชกระท่อมได้ปล่อยตัวทันที 1,038 คน
  • ประชาชนสามารถปลูกและบริโภคกระท่อมตามวิถีชาวบ้าน รวมทั้งยังซื้อหรือขายใบกระท่อมโดยไม่ผิดกฎหมาย
  • หากมีการนำไปผสมยาเสพติดอื่น ๆ เช่น 4 × 100 เป็นความผิดตามกฎหมาย

วันนี้ (19 ส.ค.64) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล เผย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ มีผล 24 สิงหาคม นี้ ผู้กระทำผิดกรณีพืชกระท่อมได้ปล่อยตัวทันที 1,038 คน คนทั่วไปจึงปลูกและขายได้

โดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ซึ่งจะมีผลวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เป็นการปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ ทำให้ประชาชนสามารถปลูกและขายได้ รวมทั้งมีการปล่อยผู้กระทำความผิดตามกฏหมายพืชกระท่อมในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 จำนวน 1,038 ราย โดยถือว่าไม่เคยกระทำความผิด สำหรับผู้ถูกจับกุมหรือจำเลยในชั้นต่าง ๆ จะได้ดำเนินการตามแนวทางการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปล่อยตัวผู้กระทำความผิดและผู้ต้องขังคดีความผิดเกี่ยวกับพืชกระท่อมต่อไป

เบื้องต้นภาครัฐจะได้รับประโยชน์เมื่อมีการปลดกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ สามารถลดค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของภาครัฐและผู้ต้องหาหรือจำเลย 1,691,287,000 บาท โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) ศึกษาพบว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลเท่ากับ 76,612 บาท ซึ่งคดีข้อหาพืชกระท่อมที่ขึ้นสู่ศาลตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 – 30 มิถุนายน 2564 มีอยู่ถึง 22,076 คดี

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยังกำชับให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เร่งสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทราบถึงข้อกฎหมายว่า ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 ประชาชนสามารถปลูกและบริโภคกระท่อมตามวิถีชาวบ้าน รวมทั้งยังซื้อหรือขายใบกระท่อมโดยไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีการนำไปผสมยาเสพติดอื่น ๆ เช่น 4 × 100 เป็นความผิดตามกฎหมาย สำหรับการนำเข้าหรือส่งออกไปต่างประเทศในเชิงอุตสาหกรรมนั้น ต้องขออนุญาตก่อน

นอกจากนั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังย้ำถึงการปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระสำคัญเร่งด่วน โดยเน้นจับกุม ยึดทรัพย์ ลงโทษทางอาญา เครือข่ายผู้ค้า ควบคู่ไปกับบำบัดโดยนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการรักษาที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ต้องรณรงค์สร้างการรับรู้และภูมิคุ้มกันในกลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่เป็นแรงงานนอกระบบด้วย