‘อินเดีย’ จำกัดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หลังเผชิญฝุ่นพิษหนักสุดในรอบปี

ประเด็นน่าสนใจ

วานนี้มีรายงานว่าสภาพอากาศที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย และรอบๆเมือง กำลังเผชิญปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งอยู่ในขั้นวิกฤตและเลวร้ายที่สุดในปีนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่อินเดียได้มีการประกาศทางด้านสาธารณสุข โดยมีการสั่งปิดโรงเรียน และงดการก่อสร้างทุกประเภท ซึ่งจากการตรวจสอบคุณภาพอากาศพบว่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานสูงกว่า 900 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร

โดยเจ้าหน้าที่กรุงนิวเดลี ของอินเดีย เริ่มใช้มาตรการจำกัดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อช่วยแก้วิกฤตมลพิษที่อยู่ในระดับเลวร้ายที่สุดในปีนี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวกำหนดให้รถยนต์ส่วนบุคคลที่มีป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคี่ วิ่งบนท้องถนนได้เฉพาะวันคี่เท่านั้น ขณะที่รถยนต์ป้ายทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคู่ จะวิ่งได้เฉพาะวันคู่

เจ้าหน้าที่ระบุว่า มาตรการนี้จะช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนบุคคลบนท้องถนนได้เกือบ 1 ล้าน 2 แสนคัน ในแต่ละวัน โดยผู้ที่ละเมิดกฎจะมีโทษปรับราว 58 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1 พัน 750 บาท

สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า กฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน โดยผู้หญิงที่ขับรถเพียงคนเดียวจะได้รับการยกเว้น

ทางด้าน นายอาร์วินด์ เกจริวาล เจ้าหน้าที่ระดับสูงรัฐบาลท้องถิ่นกรุงนิวเดลี ระบุว่า มาตรการเดียวกันนี้ ซึ่งถูกบังคับใช้เมื่อปี 2559 ช่วยลดมลพิษในอากาศได้มากถึงร้อยละ 13

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การปล่อยมลพิษจากยานพาหนะเป็นเพียง 1 ในหลายปัจจัย ที่ทำให้กรุงนิวเดลีเผชิญวิกฤตมลพิษรุนแรง โดยปกติ ช่วงเวลานี้ของปี มลพิษเกิดจากการเผาไร่ของเกษตรกรในรัฐใกล้เคียง

มลพิษทางอากาศที่รุนแรงทำให้วานนี้ เที่ยวบินหลายเที่ยวที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี ต้องยกเลิกหรือเกิดความล่าช้า เนื่องจากทัศนวิสัยที่ไม่ดี โดยรัฐบาลท้องถิ่นกรุงนิวเดลี ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแล้ว ทั้งยังสั่งปิดโรงเรียนหลายแห่ง และสั่งงดการก่อสร้างทุกประเภท