ประเด็นที่น่าสนใจ
- กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย สายพันธุ์เดลตายังบาดมากสุดในประเทศไทย จำนวน 1,499 ราย (91.9%)
- พบในพื้นที่ กทม. 1,104 ราย (95.4%) เเละภูมิภาค395 ราย (83.2%)
- การเฝ้าระวังสายพันธุ์เบตา ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ภาคใต้ โดย 70% เป็นจังหวัดนราธิวาส
- แพทย์ เเนะไม่ควรตรวจหาภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีน เหตุไม่สามารถบอกได้ว่ากำจัดเชื้อสายพันธุ์อะไร
…
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย สายพันธุ์เดลตายังคงบาดมากสุดในประเทศไทย พร้อมเฝ้าระวังสายพันธุ์เบตา ส่วนใหญ่พบอยู่ในภาคใต้
วันนี้ (10 ส.ค. 64 ) นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยผลการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ในประเทศไทย โดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ เครือข่ายห้องปฏิบัติการ ว่า แนวโน้มในภาพรวมของประเทศจากข้อมูลการเฝ้าระวังระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ถึง 6 สิงหาคม 2564
จากการสุ่มตรวจผู้ติดเชื้อทั้งหมด 1,632 ราย พบว่าภาพรวมของประเทศไทยมีสัดส่วนสายพันธุ์เดลตา จำนวน 1,499 ราย (91.9%) รองลงมาคือสายพันธุ์อัลฟา จำนวน 129 ราย (7.9%) และสายพันธุ์เบตา จำนวน 4 ราย (0.2%) รายละเอียดดังนี้
- ในพื้นที่ กทม. จำนวน 1,157 ตัวอย่าง มีสายพันธุ์เดลตา จำนวน 1,104 ราย (95.4%) สายพันธุ์อัลฟา จำนวน 53 ราย (4.6%) ส่วนสายพันธุ์เบตา ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ
- ส่วนภูมิภาค จำนวน 475 ราย เป็นสายพันธุ์เดลตา 395 ราย (83.2%) สายพันธุ์อัลฟา 76 ราย (16%) และสายพันธุ์เบตา 4 ราย (0.8%) โดยขณะนี้สายพันธุ์เดลตาพบแล้วทุกจังหวัด
สำหรับการเฝ้าระวังสายพันธุ์เบตา
ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ภาคใต้ โดย 70% พบที่จังหวัดนราธิวาส อีกทั้งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพบเพิ่ม 4 ราย ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต 3 ราย และพัทลุง 1 ราย ถึงแม้จะไม่พบการระบาดนอกพื้นที่ชายแดนภาคใต้แล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อไป
ทั้งนี้ สายพันธุ์แลมบ์ดาที่พบในแถบประเทศอเมริกาใต้ ยังไม่พบในประเทศไทยแต่อย่างใด
“ขอให้ทุกคนช่วยกันเคร่งครัดในการสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ และการรักษาระยะห่าง เพื่อหยุดยั้งการแพร่เชื้อ ถ้าเราสามารถหยุดการแพร่เชื้อได้เร็วควบคุมโรคได้เร็วโอกาสที่เชื้อจะกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ๆก็น้อยลง”
แพทย์ เเนะไม่ควรตรวจหาภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีน
นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีมีประชาชนไปตรวจหาภูมิคุ้มกันหลังการฉีดวัคซีนนั้น ไม่แนะนำให้ไปตรวจเนื่องจากภูมิดังกล่าวเป็นการบอกภูมิคุ้มกันทั่วไป อาจจะไม่ใช่การตรวจ Neutralizing antibody เป็นภูมิคุ้มกัน ที่จะกำจัดเชื้อโรค จึงไม่สามารถบอกได้กำจัดเชื้อสายพันธุ์อะไร
นอกจากนี้ ห้องปฏิบัติการแต่ละแห่งมีค่าตัวเลขที่แตกต่างกันไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้ว่ามีภูมิคุ้มกันมากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญองค์การอนามัยโลกยังไม่ได้กำหนดค่าที่ชัดเจนว่าอยู่ในระดับที่เท่าไหร่จึงจะสามารถป้องกันโรคได้
อย่างไรก็ตาม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้มีการศึกษาวิจัยการตรวจภูมิคุ้มกันหลังจากการฉีดวัคซีน ซึ่งจะนำไปสู่การสรุปว่าควรฉีดวัคซีนลักษณะแบบใดจึงจะเกิดผลดี