ประเด็นน่าสนใจ
- ชัยวัฒน์ เปิดใจ ยันไม่ได้อุ้มฆ่าบิลลี่
- ถ้าทำจริง ต้องดีดนิ้ว แบบทาร์นอสทุกอย่างต้องหาย
- ไม่ทิ้งหลักฐานบริเวณที่คนพลุกพล่านแน่นอน
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้สัมภาษณ์เพจ The Reporters หลังได้รับการประกันตัวในคดีการหายไปของ บิลลี่ หรือ นายพอละจี รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ยืนยันพร้อมต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุด หลังตกเป็นจำเลยสังคม เพราะข้อกล่าวหาร้ายแรง ทั้งการชำแหละศพ และเผาในถัง ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดร้ายไม่ใช่มนุษย์
จึงต้องขอยืนยันในความบริสุทธิ์ เพราะเรื่องนี้มีการนำสำนวนมาปะติดปะต่อว่านายชัยวัฒน์ และพวกรวม 4 คนไม่ได้ปล่อยตัวบิลลี่ และเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่ได้เจอบิลลี่ ก่อนที่บิลลี่จะหายตัวไป เมื่อดีเอสไอมาพบเศษกระดูก ตรวจสอบแล้วว่ามีดีเอ็นเอ ตรงกันกับแม่ของบิลลี่ แล้วมาสรุปว่ากระดูกที่พบนั้นเป็นของบิลลี่
นอกจากนี้ยังมาพบชิ้นส่วนกระดูกในบริเวณที่ใกล้กับสะพานแขวน ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอีก เป็นการจงใจให้มาเจอใกล้สำนักงานของตน และในวันที่ 17 เม.ย.2557 ตนก็มาส่งลูกน้องที่บริเวณสะพานแขวน สามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ได้ง่าย ทั้งๆ บริเวณนั้นมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จะทำอะไรบริเวณนั้น ไม่ง่ายเลย ถ้าตนทำ ตนต้องดีดนิ้ว แบบทาร์นอสทุกอย่างต้องหาย
ยืนยันวันเกิดเหตุปล่อยตัว ‘บิลลี่ พอละจี’ ไปแล้ว
นายชัยวัฒน์ ยืนยันอีกครั้งว่า ในวันเกิดเหตุได้ปล่อยตัว บิลลี่ หลังมาที่ด่านตรวจเขามะเร็ว ด้วยความที่มีภารกิจมาก จึงรีบนำตัว บิลลี่ ขึ้นรถยนต์ เพราะด่านเขามะเร็ว ไม่มีสัญญานโทรศัพท์ จะเอาตัวมาสอบที่ที่ทำการอุทยานฯ แต่พอนำบิลลี่ขึ้นรถยนต์แล้วพบว่าในกระเป๋าไม่มีน้ำผึ้งอีก จึงปล่อยตัวไป เพราะถ้าไม่มีความผิดจะจับไปไม่ได้ เพราะบิลลี่บอกว่า น้ำผึ้งซื้อมาจากญาติ ในหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย
ซึ่งรัฐอนุญาตให้ทำกิน ก็ถือว่าได้ จึงปล่อยให้ลงจากรถบริเวณก่อนถึงแยกบ้านมะค่า เมื่อถามว่า เชื่อไหมว่าบิลลี่ตายจริง นายชัยวัฒน์ ตอบว่า หลังบิลลี่หาย มีการขายซีดี ขายเพลง ขายกำไล ใครจัดการ มีการจัดฉากหรือไม่ เพราะเชื่อว่าในเวลานั้นมีความต้องการดิสเครดิต เพื่อขัดขวางการล่าช้าง การบุกรุกป่าและย้ำว่า ปัญหากับชาวกะเหรี่ยง การเผาบ้าน ไม่ใช่ความขัดแย้งถึงขั้น ต้องฆ่า บิลลี่ เพราะส่วนตัวไม่รู้จักกันมาก่อน
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยินดีกับการออกหมายจับบุคคลสี่คนที่ดีเอไอเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและฆาตกรรมนายพอละจี รักษ์จงเจริญ หรือ บิลลี่ นักปกป้องสิทธิชุมชนชาวกระเหรี่ยง พร้อมเห็นว่าการดำเนินการนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นก้าวที่สำคัญในการยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดที่ได้เกิดขึ้นกับคดีนี้ในช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมา
เลื่อนไปสาบานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์
และเรียกร้องให้ดีเอสไอดำเนินการคดีฆาตกรรมนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและบังคับสูญหาย ทั้งคดีของนายสมชาย นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และ กมล เหล่าโสภาพันธุ์ นักกิจกรรมต่อต้านการคอรัปชั่น นายเด่น คำแหล่ นักกิจกรรมด้านสิทธิที่ดิน และการฆาตกรรมนักกิจกรรมสามคนที่เป็นสมาชิกสหพันธ์เกษตกรภาคใต้เป็นคดีพิเศษ
ส่วนการนัดสาบานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของนายชัยวัฒน์ ที่สะพานแขวน ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจานในวันเสาร์นี้ ทางนายชัยวัฒน์ ได้เลื่อนออกไปทั้งสถานที่และเวลา เพราะอาจเป็นการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในที่เกิดขึ้น อาจนำไปสู่การถอนประกันตัวได้