ประเด็นน่าสนใจ
- ก่อนหน้านี้ในโลกออนไลน์ได้แชร์ภาพมีบุคคล ซึ่งไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์หรือพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3
- ล่าสุด ‘ศรีสุวรรณ’ ได้ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ให้สอบสวนไต่สวนเอาผิดผู้ว่าฯพิษณุโลกและสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก (สสจ.) และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
- กรณีปล่อยให้บุคคลไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่โซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนได้รายงานว่า มีบุคคลซึ่งไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์หรือพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก ได้ไปขอให้เจ้าหน้าที่าธารณสุขฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 3 ให้ตัวเอง อ้างว่ามีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ที่ศูนย์รับฉีดวัคซีน หอประชุมศรีวชิรโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น
กรณีดังกล่าว ชี้ให้เห็นช่องว่างของการกำหนดหลักเกณฑ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3 ของกระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรคโดยชัดแจ้ง เป็นกรณีที่ซ้ำรอยเดิมคล้ายจังหวัดบุรีรัมย์ที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3 ให้กับตำรวจซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ แต่ใช้ช่องว่างของหลักเกณฑ์เหมือนกันที่อ้างว่า “เป็นบุคคลด่านหน้า” เพื่อเลี่ยงบาลีอย่างหน้าด้าน ๆ และไม่ละอายต่อพี่น้องประชาชนคนพิษณุโลกรายอื่นๆ กว่า 80% ที่แม้แต่เข็มแรกก็ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
แม้บุคคลดังกล่าวจะออกมายอมรับโดยให้เหตุผลว่าทำงานด่านหน้ามาโดยตลอด ต้องนำสิ่งของต่าง ๆ จากการบริจาคไปมอบให้กับจุดคัดกรอง หรือโรงพยาบาลสนาม และด้วยความเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งที่ผ่านมาการฉีดวัคซีนนั้นตนมีคิวที่จะฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอยู่แล้ว แต่ด้วยช่วงแรก ๆ ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนน้อย จึงมาช่วยรณรงค์ให้ประชาชนหันมาฉีดวัคซีนให้มากขึ้น ด้วยการไปฉีดวัคซีนซิโนแวคแทนทั้ง 2 เข็ม โดยมีแพทย์มาบอกตนเองว่าการเป็นผู้สูงอายุ ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มนั้นไม่ดี อาจเสี่ยงต่อภูมิคุ้มกันเหลือน้อย เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ ตนจึงได้ขอเข้าไปฉีดวัคซีนเข็ม 3
การอ้างเหตุผลว่าคนพิษณุโลกออกมาฉีดวัคซีนน้อยนั้น เป็นการกล่าวอ้างแบบน้ำขุ่น ๆ ฟังไม่ขึ้น เพราะคนพิษณุโลกส่วนใหญ่ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันทั้งนั้น เพียงแต่ภาครัฐยังจัดสรรวัคซีนไปให้น้อยไม่เพียงพอต่างหาก การไปแย่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยไม่คำนึงว่ายังมีคนอื่นอีกมากที่ยังไม่ได้ฉีดเลย โดยอ้างเหตุผลนานาสารพัดนั้น ไม่ใช่วิสัยของคนที่ทำงานเสียสละเพื่อสังคมพึงกระทำ อย่าให้พวกเด็กๆมันตำหนิได้ว่าแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน
ด้วยเหตุผลดังกล่าว วันนี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้สอบสวนไต่สวนเอาผิดผู้ว่าฯพิษณุโลกและสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก (สสจ.) และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องว่า ปล่อยให้บุคคลเหล่านี้มาแย่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปฉีดให้กับตนเองเป็นเข็มที่ 3 ได้อย่างไร ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขต้องทบทวนหลักเกณฑ์ใหม่ไม่ปล่อยให้มีคนหน้าด้าน ๆ ใช้ช่องว่าว่าเป็นบุคคลด่านหน้า มาแย่งฉีดวัคซีนเยี่ยงนี้อีก นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
ที่มา :