พรรคอนาคตใหม่ อยู่ไม่เป็น

สรุปการกล่าวคำปราศรัย กิจกรรม “อยู่ ไม่ เป็น” ของพรรคอนาคตใหม่

ที่ห้องกำแพงเพชร ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ จตุจักร พรรคอนาคตใหม่จัดงาน “อยู่ไม่เป็น” โดยมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมงาน สมัครสมาชิก ซื้อสินค้าระดมทุนของพรรค เยี่ยมชมบูธนิทรรศการต่างๆ เช่น บูธไอทีและแอพลิเคชั่นของอนาคตใหม่ บูธปีกแรงงาน บูธเกี่ยวกับ พ.ร.บ.รับราชการทหาร เป็นต้น…

Home / NEWS / สรุปการกล่าวคำปราศรัย กิจกรรม “อยู่ ไม่ เป็น” ของพรรคอนาคตใหม่

ประเด็นน่าสนใจ

  • พรรคอนาคตใหม่จัดกิจกรรม “อยู่ ไม่ เป็น” โดยภายในงานมีนิทรรศการและบูธนำเสนองานของพรรค
  • ในงานยังมีมินิคอนเสิร์ตโดย ศิลปินแร็พกลุ่ม RAD เจ้าของเพลงดัง ประเทศกูมี
  • ทางพรรคประกาศตัวว่าไม่ใช่ “พวกล้มเจ้า” และ “พวกชังชาติ”

ที่ห้องกำแพงเพชร ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ จตุจักร พรรคอนาคตใหม่จัดงาน “อยู่ไม่เป็น” โดยมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมงาน สมัครสมาชิก ซื้อสินค้าระดมทุนของพรรค เยี่ยมชมบูธนิทรรศการต่างๆ เช่น บูธไอทีและแอพลิเคชั่นของอนาคตใหม่ บูธปีกแรงงาน บูธเกี่ยวกับ พ.ร.บ.รับราชการทหาร เป็นต้น ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงของการปราศรัย

ทั้งนี้ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ได้ปราศรัยในหัวข้อ ต่างๆ ได้แก่ อยู่เป็น โลกไม่เปลี่ยน โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ประชาชนใต้อำนาจทุน โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล, ประชาชนใต้อำนาจปืน โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และปิดท้ายด้วยการปราศรัยในหัวข้อ อนาคตใหม่คือผู้คนและการเดินทาง โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปราศรัยปิดท้าย ทั้งนี้ในงานยังมีมินิคอนเสิร์ตโดย ศิลปินแร็พกลุ่ม RAD เจ้าของเพลงดัง ประเทศกูมี

โดย นายพิธา กล่าวในหัวข้อ “อยู่เป็น…โลกไม่เปลี่ยน” ว่า DNA ของคนที่อยู่ไม่เป็นอย่างแรก คือ คนที่กล้า Speak up กล้าพอที่จะลุกขึ้นมาพูดให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้น ยังต้อง show up กล้าที่จะแสดงออก กล้าออกมาทำให้สังคมมีความเท่าเทียมมากขึ้น และ listen up กล้าที่จะรับฟัง คนที่ไม่เห็นด้วย ถ้าพรรคอนาคตใหม่อยู่เป็น และทำการเมืองแบบเดิม มีหัวคะแนน มี ส.ส. เก่า เชื่อว่าโลกไม่มีทางเปลี่ยน

ตนเองขอยืนยัน ว่า คนอยู่ไม่เป็นไม่ใช่คนชังชาติ ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ได้เป็นคนคลั่งชาติ พวกเราเป็นคนรักชาติ และรักมากพอที่จะยอมรับว่าข้อเสียของชาติมีอะไรและพร้อมที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้น

แม้ว่ามันจะไม่ได้กระทบเราก็ตาม การรักชาติไม่ใช่การชี้นิ้วด่าคนอื่นแล้วบอกว่าตนเองรักชาติ การรักชาติต้องเสียสละมากกว่านั้น

ทางด้าน นางสาวศิริกัญญา กล่าวบนเวที ว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้ถดถอย แต่เป็นเศรษฐกิจที่เติบโตช้าลง รวมถึงรัฐบาลที่ไม่นำเงินมาช่วยเหลือให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น แต่กลับนำไปลงทุนในการทำรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบินแทน และความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น ที่คนจนจนลง คนรวยรวยขึ้นกว่าเดิมโครงสร้างทางเศรษฐกิจกระจุกตัวอยู่ในมือของนักลุงทุน ทำให้ SMEs ที่อยากเข้าไปแข่งขัน แทรกตัวเข้าไปไม่ได้

อีกทั้ง ความเหลื่อมล้ำในสังคม แสดงให้เห็นว่า มีเงินมาก เท่ากับมีโอกาส ซึ่งเป็นโอกาส ที่ทุกคนควรจะได้รับอย่างเท่าเทียมกัน เพราะรัฐไม่ได้หยิบหยื่นให้อย่างเท่าเทียมกัน แต่กลับผูกขาดกับนายทุนขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเสียชีวิตไปแล้วกัยังต้องอยู่กับธุรกิจผูกขาด คือ ธุรกิจลอยอังคาร ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจจากกองทัพไทยที่ให้บริการโดยกองทัพเรือ

นายวิโรจน์ กล่าวในหัวข้อ “ประชาชนใต้อำนาจปืน” ว่า เมื่อพูดถึงทหาร นึกถึง ท.ทหารอดทน จึงตั้งคำถามว่า อดทนจริงหรือไม่ ฅ.คน ขึงขัง จนทำให้สับสนว่า ใครขึงขัง ใครอดทนกันแน่ เพราะทุกวันนี้ ประชาชนอดทนกันจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว ส่วนทหารนั้นขึงขัง เอะอะไล่ให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”

ภาพของทหารที่จินตนาการ และถูกปลูกฝังมันสวนทางกัน เพราะทหารถูกทำให้มองเป็นผู้นำ แต่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เห็นแต่ทหารเป็นผู้ตาม ตามไปบ้าน ส.ส. พรรคอนาคต ทั้งในโลกความเป็นจริงและโลกออนไลน์โดยการสร้าง IO สาเหตุที่ทำให้คนไทยอยากเป็นนายพลทั้งนั้น เพราะเงินเดือนก็ได้ถึง 76,000 บาท/เดือน มีทรัพย์สินเป็นร้อย ๆ ล้าน สามารถยืมของเพื่อนมาใช้ได้

ผมถึงย้ำว่า “เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด” รวมถึงอำนาจของ ส.ว. ที่ได้มาจากสายตรง อีกทั้ง ราชการ รัฐวิสาหกิจ ที่ทหารคุมอำนาจทั้งหมด แต่ทหารที่ยศต่ำ กลับทำหน้าที่ในการดูแลความสะอาดบ้านให้กับนายทหารยศสูง

ตนเองขอย้ำ ว่า อนาคตใหม่อยากเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ. รับราชการทหาร ควรเคารพสิทธิความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน หากใครละเมิด ถือว่าเป็นการกระทำผิด รวมทั้งต้อง ปรับเงินเดือน สวัสดิการได้ทุนกานศึกษาทุนประกอบอาชีพ มีประกันสุขภาพครอบคลุมถึงครองครัว อยากให้ทหารได้ทำงานจริง ๆ ไม่ใช่นำไปใช้เป็นทาส ยกเลิกการเกณฑ์ เปลี่ยนเป็นเปิดรับแบบสมัครใจ ให้โอกาสก้าวหน้าในหน้าที่ทหาร และได้รับสวัสดิการที่ดีให้กับทหารทุกคน

นอกจากนี้ ยังมีการแสดงมินิคอนเสิร์ต จากวง RAP AGAINSDITATORSIP ศิลปิน ผู้แต่งเพลง “ประเทศกูมี” โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ต่างลุกขึ้นโบกธง สัญลักษณ์พรรคอนาคตใหม่ และส่งเสียงปรบมือเชียร์ให้กำลังใจ

ทางด้าน นายปิยะบุตร อภิปรายบนเวที ว่า ก่อนหน้านี้มีการล้อเลียนพวกที่เป็นนักกิจกรรม นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ ที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของ คสช. เป็นพวกอยู่ไม่เป็น ซึ่งพวกนี้ถ้าอยู่เป็นบ้านเมืองจะสงบ และคณะรัฐประหารสามารถบริหารประเทศไปได้ ทุกคนก็จะสามารถมีชีวิตที่ดีได้

พร้อมบอกว่าทุกคนต้องอยู่ให้เป็น เช่น เข้าไปพูดคุย ทำตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่ง เพื่อที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนยศ ได้ทรัพย์สินเงินทอง แต่ประเทศไทยจะวนเวียนแบบนี้ เลือกตั้งและยึดอำนาจ

แต่คนบางกลุ่มที่ทนสภาพสังคมแบบนี้ไม่ได้ มีความรู้ มีความรู้สามารถและอดทนมากพอ ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดความอยู่เป็นและอยู่ไม่เป็น ที่สัมพันธ์ทางอำนาจ

ผู้ที่มีอำนาจสามารถสั่งคนให้ทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ แต่หากเราไม่ยินยอมไม่เชื่อฟัง คนที่มีอำนาจจะไม่สามารถใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือได้ ความเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่จะเกิดขึ้นเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นทุกครั้ง

นายปิยบุตร ยังกล่าวอีก ว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา เหลือทางเลือกให้คนไทยแค่ 2 ทาง คือ อยู่ในสังคมแบบเดิม กับออกนอกประเทศไปและเก็บประเทศไทยเป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น

นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเราก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งตรงกับวันที่ 16 พฤศจิกายน เพราะทนเห็นสภาพสังคมไทยเป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้ ต้องรวมตัวเพื่อทำให้ตัวเองมีอำนาจรัฐเข้าไปเปลี่ยนแปลงสังคม

เพื่อไม่ให้ประเทศเกิดรัฐประหารอีก และรัฐธรรมนูญเป็นของประชาชนที่ช่วยกันออกแบบอย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งที่พรรคมุ่งมั่นทำ ทำให้ผู้ที่มีอำนาจพยายามจะขัดขวาง เกิดเป็นคดี 25 คดี ที่พรรคต้องเจอ รวมไปถึงการถูกโจมตีทางโซเชียลมีเดีย หรือเฟคนิวส์ เกิดสื่อบางสำนักโจมตีแต่พรรคอนาคตใหม่ทุกวัน ทำข่าวการเมืองโดยไม่สนใจพรรคการเมืองอื่น ตัดสินว่าเป็นพวกชังชาติ

ทั้งหมดเกิดขึ้นเพื่อจะทำลายพรรคอนาคตใหม่ และคดีความที่พรรคโดนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสาเหตุมาจากบิดเบือนให้พรรคเป็นศัตรูของประเทศชาติ ขอถามผู้มีอำนาจกลับว่า “พวกท่านสร้างบ้านเมืองให้ออกมาเป็นแบบนี้ได้อย่าง” ปัญหาถึงเรื้อรังบานปลายขนาดนี้ และไม่มีวี่แววจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

นายปิยบุตร ยังยืนยันต่อ ว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่พวกล้มเจ้า และพร้อมจะสนับสนุนให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และคนที่ทำขัดกฏหมายมากที่สุด คือคนที่เป็นผู้บัญชาการทหารบกแล้วนำรถถังออกมายึดประเทศแล้วตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี และบอกให้เคารพกฎหมาย

แต่แท้จริงแล้วคือการเคารพปืนในมือ อีกทั้ง ประเทศไทยมีวิถีวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมานาน เป็นวิถีที่ดี แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแบบนั้น พรรคอนาคตใหม่ จึงต้องออกมา อยู่ไม่เป็น เพื่อการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงร่วมกัน เป็นการปฏิรูปที่แท้จริง ท้ายนี้ ผมขอยืนยันว่า “พรรคอนาคตใหม่รักชาติ ไม่ใช่พรรคชังชาติ ตามที่ถูกกล่าวหาครับ”

จากนั้น นายธนาธร ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยเป็นคนสุดท้าย โดยได้กล่าวบนเวที ว่า 540 วัน คือ การเดินทางของพรรคอนาคตใหม่ เกิดขึ้นได้ทุกอย่างเพราะคุณคอยให้กำลังใจ ให้โอกาส ศรัทธาและเชื่อมั่นในเรา ไม่ว่าคุณจะอยู่ไหน ผมขอขอบคุณทุกคนที่ผลักดันเรามาถึงจุดนี้

วันที่ผมตัดสินใจอยู่ไม่เป็น เพราะก่อนหน้าผมมีแต่ความสุขสบาย ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง การทำงาน แต่เพราะเราเห็นความไม่เป็นกลางในสังคม ทำให้ตนออกมาเพราะอยู่ไม่เป็น แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ พวกเราโดนถากถาง ดูถูกมาตลอด เพราะการเมืองเป็นเรื่องสกปรก ไม่มีทางแก้ได้ แต่ตนเองเชื่อว่าถ้าเราจริงใจ เชื่อมั่นเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้

นี่คือเหตุผลในการตั้งพรรคการเมือง เพราะต้องการมาเปลี่ยนแผลงสภาพของสังคม การเมือง สิ่งที่รวมพวกเราเข้ามาในสายทางนี้ คือ เรามีความฝัน จุดมุ่งหมาย ทางเดินเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะอาชีพไหน เพศใด ฐานะไหน เราทุกคนควรมีความเสอมภาค เท่าเทียม นี่คือปลายทางของเรา

เราอยากเห็นการพัฒนาทางอุตสาหกรรมด้วยศักยภาพของคนไทยเอง ซึ่งจะนำมาซึ่งงานสำหรับทุกคน ยกระดับให้ทุกคนดีขึ้น กระจายการพัฒนาเท่าเทียมการทไร้การผูกขาดทางเศรษฐกิจ

ประเทศไทยจะต้องเข้มแข็งในระดับนานาชาติ ไม่ใช่เพราะเรือดำน้ำ พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนบ้านยามลำบาก เราต้องการประเทศไทยที่ทุกคนเท่าเทียมกัน เท่าทันและทัดเทียมกับโลก แต่การเดินทางของเรากลับโดนกล่าวหาว่าเราเป็นพวกหัวรุนแรงชังชาติ พวกอยู่ไม่เป็น เราไม่ได้เกิดจากความเกลียดชัง แต่รักเพื่อนร่วมโลก มนุษย์เหมือนๆ กัน ทุกอย่างต้องเกิดจากความรัก

นายธนาธร ยังกล่าวต่อ ว่า เราได้ยินเรื่องราวของคนในสังคมที่มีปัญหา เราร้องไห้ไหม หรือยังปล่อยให้เค้าดิ้นรนอย่างเดียวดาย พวกเราด้านชากับความสิ้นหวังของประเทศแล้วหรือ หรือเพราะพวกคุณอยู่เป็น แต่ถ้าคุณมีความเห็นใจกันอยู่ หัวใจของเรายังมีเลือดเนื้อ คุณคือพวกอยู่ไม่เป็น

ผมขอย้ำเตือน ว่า พรรคอนาคตใหม่ เกิดจากความรัก ไม่ใช่การเกลียดชัง เพราะความรักจึงก่อเกิดเป็นทางเดินเส้นนี้ ใครที่มองว่าพวกเราหัวรุนแรงเพราะการเปลี่ยนแปลงที่ไวเกินไป

คุณต้องมองโลกภายนอกว่าเค้าเปลี่ยนแปลงไปไวขนาดไหนแล้ว ถ้าเราไม่รีบเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างจะสายเกินไป การที่เรากล้าอยู่ไม่เป็น หมายถึงเรามองเห็นความเป็นไปได้ที่ตั้งอยู่ในศักยภาพ ที่มีความหนักแน่นทและมั่นคง ส.ส. พรรคเรามีศักยภาพทุกคน

อย่างไรก็ตามนายธนาธร ยังย้ำอีก ว่า อนาคตใหม่ คือปลายทางเดียวกัน พวกเราที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เราจะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ผมอยากให้ทุกคนที่เห็นความเป็นไปได้ และอยู่ไม่เป็น พร้อมเดินไปข้างหน้าด้วยกัน