ประเด็นน่าสนใจ
- DSCA ของสหรัฐฯ รายงานการอนุมัติขายจรวจพิฆาตรถถัง Javelin FGM-148
- โดยมูลค่าการซื้อขายในครั้งนี้กว่า 83 ล้านเหรียญฯ หรือราว 2,700ล้านบาท
- ซึ่งจะมีระบบยิง หรือ CLU จำนวน 50 ชุด จรวด Javelin FGM-148 300 ลูก รวมถึงการฝึกอบรมการใช้งาน การดูแลรักษา รวมถึงกลยุทธ์ในการใช้งานด้วย
- ระบุเหตุผลในครั้งนี้ เพื่อทดแทน ปรส. รุ่นเก่า และเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค
…
องค์การความร่วมมือด้านความมั่นคงกลาโหม (Defense Security Cooperation Agency หรือ DSCA) ของสหรัฐฯ ได้รายงานผลการอนุมัติจำหน่ายจรวดพิฆาตรถถัง Javelin FGM-148 ให้กับประเทศไทยจำนวน 300 ลูก ระบบยิง ( Command Launch Units – CLU) 50 ชุด พร้อมอบรมและฝึกการใช้งานจรวดดังกล่าว รวมมูลค่ากว่า 83 ล้านบาท หรือ ประมาณกว่า 2,700 ล้านบาท
ในแถลงการณ์ได้ระบุว่า รัฐบาลไทยได้ขอซื้อ Javelin FGM-148 จำนวน 300 ลูก และระบบอีกจำนวน 50 ชุด รวมถึงการอบรมการใช้งาน บำรุงรักษา ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิค ยุทธวิธีการใช้งานต่าง ๆ ตลอดจนคู่มือและอุปกรณ์อื่น ๆ
โดยทาง DSCA ระบุเหตุผลการจำหน่ายในครั้งนี้ว่า เป็นไปตามนโยบายด้านการต่างประเทศ และความมั่นคง ของสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มความมั่นคงในกลุ่มประเทศพันธมิตรในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
อาวุธชนิดนี้ จะมาทดแทนปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ขนาด 106 มม. ที่ใช้ในกองทัพไทย ซึ่งได้รับมอบมาตั้งแต่เมื่อยุคสมัยสงครามเวียดนาม ซึ่งการจัดซื้อ Javelin FGM-148 มาทดแทนนั้นจะทำให้กองทัพไทยมีความสามารถในการต่อต้านรถถังที่ทันสมัยมากขึ้น ร่วมไปถึงความสัมพันธ์ในการดำเนินงานและฝึกร่วมกัน โดยประเทศไทยถือเป็นพันธมิตรในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยในภูมิภาค
ซึ่งการขายอาวุธให้กับประเทศไทยจะทำให้กองทัพไทยสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศได้มากขึ้น และไม่มีปัญหาในการจำหน่ายอาวุธนี้ให้กับประเทศไทย โดยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสมดุลทางการทหารในภูมิภาค และจะไม่มีผลทางลบกับรัฐบาลสหรัฐฯ แต่อย่างใด
Javelin FGM-148 อาวุธต่อต้านรถถัง
สำหรับจรวจพิฆาตรถถัง Javelin FGM-148 เป็นอาวุธต่อต้านรถถังที่ถือว่ามีความทันสมัยตัวหนึ่ง เนื่องจากการใช้งานที่ง่าย น้ำหนักตัวของระบบยิง CLU อยู่ที่ 6.4 กก. ในขณะที่หัวรบมีน้ำหนัก 8.4 กก. ทำให้สามารถใช้ทหารเพียงคนเดียว สามารถนำไปใช้งานได้ มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการในโหมดโจมตีด้านบน หรือ ยิงโดยตรง
สามารถใช้โจมตีรถถัง หรือรถหุ้มเกราะได้ รวมถึงสามารถใช้โจมตีเฮลิคอปเตอร์ในระดับต่ำได้ หรือ ยิงทำลายที่มั่นได้โดยตรง ในโหมดการยิงตรง ด้วยระยะหวังผลอยู่ที่ราว 2 กม. หรือมากกว่า เนื่องจากมีระบบนำวิถี Imaging infrared (IIR) สามารถตรวจจับความร้อนวิ่งเข้าหาเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
ซึ่งในโหมดโจมตีด้านบน จะใช้ระบบนำวิถีก่อน และเมื่อยิงออกไปในมุมสูง จรวดจะวิ่งไปตามมุมสูง และเปลี่ยนทิศทางลงมาโจมตีรถถังจากด้านบน ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพสูง เพราะรถถังและรถหุ้มเกราะส่วนใหญ่ จะมีเกราะไม่มากนักบริเวณด้านบนของรถ
…
อนุมัติขาย อิสราเอล เฮลิคอปเตอร์ CH-53K
ในวันเดียวกัน DSCA ยังได้รายงานการอนุมัติขายเฮลิคอปเตอร์ Sikorsky CH-53K King Stallion จำนวน 18 ลำ พร้อมระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบนำร่อง – นำทาง รวมถึงอุปกรณ์สื่อสาร และปืนกล มูลค่ากว่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อทดแทนเครื่องรุ่นเก่าอิสราเอล
…
ที่มา – DSCA