ประเด็นน่าสนใจ
- จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สำนักงานประกันสังคม พิจารณานำเงินกองทุนประกันสังคมปล่อยกู้ยืมเพื่อการลงทุน
- กรณีดังกล่าวสร้างกระแสวิจารณ์อย่างหนัก
- วันนี้นายกฯ ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวอีกครั้งว่า ไม่ได้เอาเงินกองทุนประกันสังคมมาใช้ แค่สั่งศึกษากฎหมาย ไม่ได้ก็คือจบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งเศรษฐกิจฐานราก ภาคการเกษตร และแรงงาน โดยต้องหารือร่วมกันในการทำงานเพื่อแก้ปัญหา และได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีเศรษฐกิจปรับปรุงการทำงานให้ครอบคลุม
รวมถึงการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ การท่องเที่ยว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เร่งการขับเคลื่อนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 เพื่อส่งต่อไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า แต่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ก็ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา
ในเรื่องของกองทุนประกันสังคม พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ไม่ได้มีความมุ่งหมายจะเอาเงินประกันสังคมไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น แต่มีสมาชิกของกองทุนประกันสังคมส่งข้อมูลถามว่า มีหนทางที่จะใช้ประโยชน์จากตรงนี้อีกหรือไม่ ซึ่งบางคนต้องรอจนเกษียณ
“ผมไม่ได้สั่งการว่าต้องไปเอามาใช้ แต่ให้ไปดูกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ชี้แจงเขา ก็จบแค่นั้นเอง อย่าไปเขียนบิดเบือนกันมากมาย และผมก็คงไม่เอาเงินเหล่านี้มาใช้ เพราะถ้ากฎหมายมันใช้ไม่ได้ จะเอามาใช้ได้อย่างไร รัฐบาลจะใช้ได้หรือ มีกฎหมายของเขาอยู่แล้ว”
นอกจากนี้ ในเรื่องของโฮปเวลล์ ก็ดำเนินการอยู่ ไม่สามารถจะชี้แจงได้ในเวลานี้ ต้องมีหารือเจรจาใช้กฎหมายต่างๆ ต่อไป สำหรับเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีหลายมิติ ไม่ต้องกังวลเพราะมีขั้นตอนอยู่แล้ว บางอย่างเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเปิดเผยมากไม่ได้ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ในส่วนของการแบน 3 สารพิษเกษตร ต้องดำเนินการทำความเข้าใจต่อไป และจะแก้ปัญอย่างไรก่อนที่กฎหมายจะบังคับใช้ 1 ธ.ค.นี้
ทางด้านเรื่องที่ดินสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องตรวจสอบทั้งหมด ไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่ง โดยใช้กฎหมายวันแม็ป (One Map) เข้ามาร่วมด้วย
เพราะถ้าไม่มีกลไกใหม่ออกมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ไม่ได้ลำบากใจ ถูกผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย แก้เพื่อผลประโยชน์ส่วนร่วม
ส่วนเรื่องการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า “ผมไม่เกี่ยวข้องเลย ผมไม่ได้เป็นคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ หรือจะไปบังคับศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นแบบนั้นแบบนี้ไม่ได้ เป็นเรื่องกระบวนการของศาล
ผมไม่ได้ก้าวล่วง เรื่อง กมธ. ก็เป็นการดำเนินการตามขั้นตอน เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตั้ง กมธ.แก้ไขศึกษากันไป ผมไม่เข้าไปเกี่ยวข้องตรงนี้”
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวในช่วงท้ายว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญในอีกหลายเรื่อง ทั้ง ร้านค้าออนไลน์ การใช้ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด เรื่องแรงงานที่ต้องรีสกิล การลดการจ้างงาน คนตกงาน นักศึกษาจบใหม่ตกงาน ยืนยันว่าให้ความสำคัญทุกเรื่อง แต่ทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้
พร้อมขอร้องว่าไม่อยากให้พูดอะไรไม่ดี เพราะจะทำให้ความเชื่อมั่นประเทศลดลง ซึ่งโดยรวมหลายอย่างดีขึ้น รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่เรื่องใดก็ตามที่ยังไม่มีข้อยุติทางกฎหมายก็อย่าเอามาวิพากษ์วิจารณ์เพราะไม่เกิดประโยชน์ ส่วนเรื่องทุจริตก็ต้องมีการตรวจสอบ รัฐบาลก็ต้องถูกตรวจสอบเช่นกัน
