ผิวเผือก โรคผิวเผือก

ความงามของ “ผิวเผือก” ทำ 2 พี่น้องคาซัคสถาน กลายเป็นคนดัง

อาเซลยา คาลากาโนวา วัย 14 ปี และคามิลลา คาลากาโนวา สองสาวพี่น้องชาวคาซัคสถาน ผู้เป็นโรคผิวเผือก (Albinism) ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามบนโลกออนไลน์ หลังจากอาเซลยาโพสต์รูปถ่ายและคลิปวิดีโอของเธอและน้องลงบนอินสตาแกรม (Instagram) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังจนมีผู้ติดตามมากถึง 24,000…

Home / NEWS / ความงามของ “ผิวเผือก” ทำ 2 พี่น้องคาซัคสถาน กลายเป็นคนดัง

ประเด็นน่าสนใจ

  • อาเซลยา คาลากาโนวา วัย 14 ปี และน้องของเธอป่วยเป็นโรคผิวเผือก
  • หลังอาเซลยาโพสต์ภาพตัวเองและน้อง ได้รับความสนใจจากสังคมออนไลน์ จนกลายเป็นคนดัง
  • โรคผิวเผือก (Albinism) เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติขึ้นกับกระบวนการผลิตเม็ดสีในร่างกาย

อาเซลยา คาลากาโนวา วัย 14 ปี และคามิลลา คาลากาโนวา สองสาวพี่น้องชาวคาซัคสถาน ผู้เป็นโรคผิวเผือก (Albinism) ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามบนโลกออนไลน์ หลังจากอาเซลยาโพสต์รูปถ่ายและคลิปวิดีโอของเธอและน้องลงบนอินสตาแกรม (Instagram) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังจนมีผู้ติดตามมากถึง 24,000 คน

อาเซลยาเริ่มถ่ายแบบอาชีพครั้งแรกเมื่ออายุ 10 ปี หลังจากนั้นเธอได้รับคำเชิญจากบรรดาช่างภาพให้ไปร่วมงานบ่อยครั้ง แต่หลังจากคามิลลา น้องสาวของเธอลืมตาดูโลก สองสาวพี่น้องก็เริ่มถ่ายแบบด้วยกันจนกลายเป็น “เน็ตไอดอล” ชื่อดัง

โรคผิวเผือกคือะไร?

โรคอัลบินิซึม (albinism) โรคอัลบินิซึม หรือโรคผิวเผือก เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติขึ้นกับกระบวนการผลิตเม็ดสีในร่างกายที่ทำหน้าที่กำหนดสีผิว สีผม และสีม่านตา เมื่อเป็นโรคนี้ ร่างกายของผู้ป่วยอาจไม่ผลิตเม็ดสีออกมา หรือผลิตเม็ดสีออกมาน้อยกว่าปกติ ทำให้มีอาการ เช่น ผิวซีด ผมขาว มีปัญหาในการมองเห็น

ความผิดปกติดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยได้รับยีนที่ผิดปกติจากพ่อแม่ และแม้จะยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ แต่ผู้ป่วยอาจดูแลดวงตาและผิวหนังของตนเอง รวมถึงปรับการมองเห็นให้ดีขึ้นได้

อาการที่เด่นชัดของผู้ป่วยโรคนี้ คือ มีผิวที่ขาวซีดผิดปกติเมื่อเทียบกับพี่น้องของตนเอง โดยอาจพบระดับสีผิวตั้งแต่สีขาวไปจนถึงสีน้ำตาล รวมทั้งอาจมีสีผิวที่แทบจะเหมือนกับพ่อแม่หรือพี่น้องของตนเองที่ไม่ได้เป็นโรคผิวเผือกก็ได้

เนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีการสร้างเม็ดสีที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีผิวหนังที่ไวต่อแสงแดด หรือผิวหนังที่ถูกแดดเผาได้ง่ายและไม่เปลี่ยนเป็นสีแทน ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง รวมทั้งอาจมีกระ ขี้แมลงวัน หรือมีไฝตามผิวหนังด้วย

ที่มาจาก สำนักข่าวซินหัว

ขอบคุณข้อมลเพิ่มเติมจาก เว็บไซต์ pobpad เว็บไซต์ด้านการแพทย์และสุขภาพ