ข่าวสดวันนี้ ออสเตรเลีย ไฟป่า

ไฟป่าออสเตรเลียลุกลามทั่วประเทศ

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงออสเตรเลียเร่งดับไฟป่าที่ลุกลามหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ ขณะที่รัฐวิกตอเรีย ได้ออกประกาศคำเตือนระดับสีแดง ซึ่งหมายถึงระดับ “เป็นภัยพิบัติ” นับจนถึงเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น เกิดไฟป่ามากกว่า 60 จุดทั่วรัฐวิกตอเรีย โดยที่นครเมลเบิร์นมีอุณหภูมิสูงถึง 40.9 องศาเซลเซียส และมีพนักงานดับเพลิงมากกว่า 2…

Home / NEWS / ไฟป่าออสเตรเลียลุกลามทั่วประเทศ

ประเด็นน่าสนใจ

  • ออสเตรเลียเผชิญเหตุไฟป่าลุกลามทั่วประเทศ
  • รัฐวิกตอเรียประกาศคำเตือนไฟป่าระดับสีแดงในบางพื้นที่

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงออสเตรเลียเร่งดับไฟป่าที่ลุกลามหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ ขณะที่รัฐวิกตอเรีย ได้ออกประกาศคำเตือนระดับสีแดง ซึ่งหมายถึงระดับ “เป็นภัยพิบัติ”

นับจนถึงเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น เกิดไฟป่ามากกว่า 60 จุดทั่วรัฐวิกตอเรีย โดยที่นครเมลเบิร์นมีอุณหภูมิสูงถึง 40.9 องศาเซลเซียส และมีพนักงานดับเพลิงมากกว่า 2 พันนายต่อสู้ไฟป่าอยู่

ขณะเดียวกัน ไฟป่าก็ทำให้ไฟฟ้าของบ้านเรือนมากกว่า 1 แสนหลังดับลง นอกจากนี้สภาพอากาศยังรุนแรง มีฟ้าผ่าหลายครั้ง ลมกระโชกรุนแรงความเร็วกว่า 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้ต้นไม้โค่นล้ม เสาไฟฟ้าได้รับความเสียหาย

สำนักข่าวรอยเตอร์ส เผยแพร่คลิปวิดีโอสภาพอากาศในเมืองมิลดูรา ของรัฐวิกตอเรีย ที่ถูกปกคลุมไปด้วยพายุฝุ่นขนาดใหญ่ ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มน่าหวาดกลัว ขณะที่อากาศร้อน แห้งแล้ง และลมรุนแรง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในรัฐวิกตอเรีย

สำหรับสถานการณ์ไฟป่าในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ยังมีไฟป่าอยู่ราว 50 จุด ซึ่งพนักงานดับเพลิงมากกว่า 1 พันนายยังคงต่อสู้ไฟป่า โดยนับตั้งแต่เกิดเหตุไฟป่าในรัฐนิวเซาท์เวลส์ มีบ้านเรือนถูกไฟป่าทำลายแล้ว 612 หลัง และมีผู้เสียชีวิต 6 ราย ส่วนในนครซิดนีย์มีกลุ่มควันหนาปกคลุมชัดเจน โดยเฉพาะย่านกลางเมือง

ขณะที่ในนิวซีแลนด์ ก็เกิดเหตุฟ้าผ่า 2 ครั้ง ใกล้กับเครื่องบินโดยสารรุ่น “เอมิเรตส์ แอร์บัส เอ380” บริเวณทางขึ้นลงของเครื่องบินในท่าอากาศยานนาชาติเมืองไครสต์เชิร์ช

นายแดเนียล เคอร์รี่ พนักงานบริษัท “GCH Aviation” เป็นผู้ที่จับภาพเหตุฟ้าผ่าครั้งนี้ได้ด้วยโทรศัพท์มือถือของเขา โดยหลังเกิดเหตุเครื่องบินลำนี้ได้เคลื่อนที่ไปยังโรงเก็บเครื่องบินเพื่อประเมินความเสี่ยง

GCH Aviation ระบุว่า ฟ้าผ่าไม่โดนเครื่องบินโดยตรง และตัวเครื่องไม่ได้รับความเสียหายหรือเป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร