ประเด็นน่าสนใจ
- ชายสูงวัยที่ถูกกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงจุดไฟเผาทั้งเป็นฟื้นแล้วแต่ยังคงมีร่างกายอ่อนแอ
- เมื่อเจ้าตัวฟื้นขึ้นมากลับไม่สามารถจำลูกสาวตนเองได้
ชายวัย 57 ปี เหยื่อเคราะห์ร้ายที่ถูกกลุ่มผู้ก่อจลาจลเผาทั้งเป็นในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) ของจีน ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังตกอยู่ในอาการโคม่านานกว่า 10 วัน ทว่าร่างกายยังคงอ่อนแอมาก ไม่สามารถจดจำลูกสาวของตัวเองได้ และจะต้องพานพบกระบวนการรักษา ที่อาจสร้างความเจ็บปวดทรมาน
“สิ่งแรกที่เขาบอกฉัน (หลังจากฟื้น) คือพวกเขา (กลุ่มผู้ก่อจลาจล) ไร้ความเป็นมนุษย์ และบอกให้ฉันระวังมากขึ้นเวลาเดินตามท้องถนน” ภรรยาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวเมื่อวันเสาร์ (23 พ.ย.)
ภรรยาซึ่งสวมแว่นตากันแดดและหน้ากากอนามัย ขอให้ผู้สื่อข่าวปรับโทนเสียงของเธอด้วย เนื่องจากกลัวว่าจะถูกระบุตัวตนและตามแก้แค้น
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ชายแซ่หลี่คนนี้ถูกผู้ก่อจลาจลราดของเหลวไวไฟก่อนจุดไฟเผาทั้งเป็นบนสะพานลอยแห่งหนึ่งในย่านหม่าอันซาน (Ma On Shan) หลังโต้เถียงกับกลุ่มผู้ก่อจลาจล ซึ่งทุบทำลายสิ่งของต่างๆ ภายในสถานีรถไฟใต้ดิน โดยเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส มีแผลไฟคลอกเกือบครึ่งหนึ่งของร่างกาย
“ฉันใจสลายและรับไม่ได้” ภรรยากล่าว “ทั้งที่เขาเป็นคนดีขนาดนี้”
ย้อนกลับไปในวันเกิดเหตุ หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มขณะเธอมองหน้าผู้เป็นสามี ที่นอนสิ้นสติอยู่ในโรงพยาบาล เธอไม่พูดกับใครเลย โดยก่อนหลี่ฟื้น เธอจะพูดกับสามีตลอดและบอกให้เขาอดทน แม้รู้ว่าเขาอาจไม่ได้ยินก็ตาม
อย่างไรก็ดี แม้หลี่จะฟื้นแล้วแต่อาการของเขายังไม่อยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งยังจำลูกสาวของตัวเองไม่ได้ “เขาจำได้แค่ฉัน ถ้ามีคนหรือสองคนเข้ามาที่วอร์ด เขาจะกลัวมากเหมือนกับจะมีใครมาทำร้าย” ภรรยากล่าว
หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อสองครั้ง แพทย์ย้ายเขาจากห้องดูแลผู้ป่วยหนัก (ICU) ไปยังศูนย์ผู้ป่วยไฟคลอกแล้ว ร่างกายของเขายังถูกพันผ้าเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตา จมูก และปากที่ไม่ได้ถูกพันผ้ายังคงมีสะเก็ดแผลจากไฟคลอก
แพทย์เปิดเผยว่ายังคงต้องดูกันต่อไปว่าร่างกายจะปฏิเสธการปลูกถ่ายหรือไม่ และหลี่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกหลายครั้ง นี่จะเป็นกระบวนการรักษาที่ใช้เวลานานและสร้างความเจ็บปวดแก่เขาอย่างมาก
“เขาไม่เคยโต้เถียงกับใครตามท้องถนนเลย ฉันคิดว่าเขาแค่ทนไม่ได้ที่เห็นคนทำลายสถานีรถไฟใต้ดิน” ภรรยากล่าว “ฉันว่าเขากล้าหาญมาก”
หลี่ประกอบอาชีพเป็นคนงานก่อสร้างและเป็นเสาหลักหาเงินเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ภรรยาและลูกสาวของเขาต่างทุกข์ทรมานใจและต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล
ทั้งนี้ ชาวฮ่องกงจำนวนมากต่างออกมาสนับสนุนครอบครัวของหลี่ ทั้งส่งจดหมายและบริจาคเงิน โดยมีจดหมายฉบับหนึ่งระบุว่าหลี่เป็นวีรบุรุษที่แท้จริงและขอให้เขาหายจากอาการเจ็บป่วยโดยเร็ว
เอลิซาเบท ควอต (Elizabeth Quat) สมาชิกสภานิติบัญญัติที่ติดตามอาการของหลี่ ได้มอบเงินบริจาคแก่ภรรยาของหลี่เมื่อวันเสาร์ (23 พ.ย.) พร้อมเล่าว่า “โทรศัพท์ที่ออฟฟิศดิฉันดังไม่หยุดเลย เพราะผู้คนอยากรู้อาการของหลี่ พวกเขาอยากส่งแรงสนับสนุน บางคนยังขอที่อยู่เพื่อจะส่งเช็คให้ด้วย”
“ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีชายชราอีกคนที่เสียชีวิตเพราะถูกผู้ก่อจลาจลขว้างอิฐใส่ศีรษะ เรื่องแบบนี้รับไม่ได้จริงๆ” ควอตให้สัมภาษณ์ พร้อมย้ำว่าประชาชนฮ่องกงควรออกมาแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนความรุนแรง