ประเด็นน่าสนใจ
- การปลูกกัญชาทางการแพทย์ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเข้าครม.
- รมว.สาธารณสุขมั่นใจ สารสกัดกัญชามีประโยชน์ต่อมนุษยชาติ
- กัญชาบ้านละ 6 ต้น ต้องรอกฎหมายใหม่ ที่อยู่ระหว่างพิจารณาในสภา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการประชุมเสวนา เรื่อง “ผ่าทางตัน การใช้กัญชาเสรีทางการแพทย์” ว่า ได้ลงนามประกาศเรื่องกัญชง และแก้ไขกฎหมายกัญชาเพิ่มเติมเพื่อให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนสามารถปลูกกัญชาได้
โดยขออนุญาตกับ อย. ตามขั้นตอน ไม่จำเป็นต้องเป็นวิสาหกิจชุมชนอย่างเดียวที่จะปลูกร่วมกับหน่วยงานของรัฐ ขณะนี้ อยู่ระหว่างกฤษฎีกาให้ความเห็นก่อนนำเข้า ครม. และออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข ส่วนการปลูกบ้านละ 6 ต้น ต้องรอกฎหมายใหม่ซึ่งยังอยู่ในสภา
ทั้งนี้ ยังยืนยันเจตนารมณ์ จะผลักดันนโยบายเสรีกัญชาทางการแพทย์ต่อไป เชื่อมั่นว่าสารสกัดกัญชามีประโยชน์ต่อมนุษยชาติ และการผลิตยาสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ จะสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ” นายอนุทินกล่าว
สำหรับงานในวันนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุมเสวนาเรื่อง “ผ่าทางตัน การใช้กัญชาเสรีทางการแพทย์” มีผู้สนใจจากเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับกัญชาทางการแพทย์เข้าร่วมประชุม ว่า
กระทรวงสาธารณสุขได้ผลักดัน “กัญชาเสรีทางการแพทย์” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย และคณาจารย์ทางการศึกษา ทำให้ได้ข้อมูลวิชาการ เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษา และประชาชนทั่วไป ทำให้สารสกัดกัญชาไม่ได้อยู่ใต้ดินอีกต่อไป
โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศให้เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบผสมผสานแผนปัจจุบันและแผนไทยแล้วในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งสิ้น 110 แห่ง และคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย 27 แห่งและกำลังขยายความครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง
มีแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร แพทย์แผนไทยที่ผ่านการอบรมการให้บริการกัญชาทางการแพทย์แล้วกว่า 6,000 คน การ “ปลดล็อคระดับการเข้าถึงกัญชาเสรี” ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการใช้กัญชาในทางการแพทย์ และระยะต่อไปจะปรับการเข้าถึงกัญชาสู่ระดับชุมชน เพื่อให้ผู้ป่วยในชุมชนทุกรายมีสิทธิเข้าถึงกัญชาในการรักษาตนเองแบบวิถีชาวบ้าน
ปัจจุบัน มีการอนุญาตพื้นที่ปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์และการศึกษาวิจัยแก่มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลและวิสาหกิจชุมชนแล้ว 9 แห่ง โดยมีสถาบันกัญชาทางการแพทย์ ประสานการทำงานและพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการสร้างความเข้าใจประชาชนว่าเป็นการใช้เสรีทางการแพทย์ ไม่ใช่การสันทนาการ ใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณะสุข