ประเด็นน่าสนใจ
- จากเหตุการณ์ กอ.รมน. ภาค 4 แจ้งจับ ธนาธร และตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านรวม 12 คน ในการจัดการเสวนาที่ภาคใต้
- นายปิยบุตร เชื่อว่าการดำเนินคดีฝ่ายค้านเพราะจะกลบข่าวขาลงรัฐบาล
- ยืนยันเดินหน้าในการนำ รธน. 40 มาใช้อีกครั้งหนึ่ง
- ระบุว่า หลังนายธนาธร ทราบว่ามีชื่อเอี่ยวถูกดำเนินคดี เพียงแค่ยิ้มหัวเราะ
ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคต ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า
ได้รับมอบอำนาจจากแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน
ให้ดำเนินคดีตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านรวม 12 คน ในการจัดเสวนา “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” ที่บริเวณลานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น ว่า
ในสากลมีการรณรงค์ต่อต้านการใช้การดำเนินคดีปิดปากการแสดงความเห็น หรือ แอนตี้ สแล็ป ซึ่งสถานการณ์ในประเทศวันนี้ แม้จะกลับสู่ระบบการเมืองปกติแล้วก็ยังมีการใช้ช่องทางนี้ไม่เลิก
ร้องสอบ พล.ต.บุรินทร์ หลังเป็นผู้รับมอบจาก คสช. แจ้งความเอาผิด
ตนเองในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ช่วงที่ผ่านมามีบุคคลทำหนังสือร้องเรียนเข้ามา เพื่อขอให้มีการสอบข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับกรณีนายทหารคนหนึ่งซึ่งรับมอบอำนาจ คสช. เที่ยวไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลจำนวนมาก
คดีความเหล่านี้ทำให้ประชาชนเสียเสรีภาพแสดงความคิดเห็น เสียเวลาขึ้นโรงขึ้นศาล ดังนั้น กมธ.เตรียมบรรจุเข้าระเบียบวาระ ซึ่งต้องมีการเรียกนายทหารคนนั้นซึ่งก็ คือ พล.ต.บุรินทร์ มาให้การต่อ กมธ. ว่าท่านอ่านกฎหมายอย่างไร ดูองค์ประกอบความผิดตาม ป.อาญา ม.116 อย่างไร
ทำไมจึงได้เที่ยวแจ้งความบุคคลต่างๆ เต็มไปหมด แล้วสุดท้ายปรากฏว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือศาลยกฟ้องไปแล้วหลายคดี ขณะที่ตัวท่านเองกลับได้ดิบได้ดีเป็นถึง พล.ต.
ชี้ใช้คดีกลบเกลื่อนขาลง รบ.-กระแสแก้ไข รธน.
พร้อมกันนี้ นายปิยบุตร ยังกล่าวว่า ในความเห็นของตน กระบวนการแจ้งความ ป.อาญา ม.116 ในครั้งนี้มองได้ว่า
- ต้องการกลบเกลื่อนสถานการณ์ขาลงของรัฐบาล ทั้งการบริหารงานผิดพลาด ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ได้รับการแก้ไข โครงการชิมช็อปใช้ที่ไม่ได้ผล
- กลบเกลื่อนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทีท่าของสังคมในขณะนี้ตอบรับมากขึ้น ทั้งพรรคฟากรัฐบาลเองก็มีทีท่าว่าจะเอาด้วย
สมาชิกวุฒิบางท่านก็สนใจมาร่วมคิดอ่านแก้ไข ซึ่งเรื่องนี้อยากให้ทางกองทัพ ได้พิจารณาให้ดีว่า ใครกันแน่ขัดขวางการเดินหน้าของประเทศ ใครกันแน่ที่ขัดขวางการแสวงหาฉันทามติร่วมกันของประชาชน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาของเราในการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ต้องทำกันต่อไป
“สิ่งที่เราฝันถึงคือโมเดลรัฐธรรมนูญปี 2540 คือ แก้ไข 1 มาตรา เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ภายใต้กรอบเงื่อนไข ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รูปของรัฐแบบราชอาณาจักร
ปิยบุตร แสงกนกกุล
รูปแบบรัฐที่เป็นรัฐเดี่ยว ซึ่งเรื่องนี้เราเคยทำได้ตอนรัฐธรรมนูญปี 2540 ทำไมครั้งนี้จะทำไม่ได้ อย่าให้กลายเป็นว่า คนที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญโดยอาศัยช่องทางตามรัฐธรรมนูญที่พวกท่านออกแบบกันมากลับมีอุปสรรคเหลือเกิน
แต่พอเป็นพวกท่านกลับไม่จำเป็นต้องเคารพรัฐธรรมนูญ ถวายสัตย์ไม่ครบก็ได้ ฉีกรัฐธรรมนูญโดยไม่มีบทลงโทษ และลอยหน้าลอยตาได้เป็นนายกรัฐมนตรี 5 ปีแล้ว
แต่ขณะเดียวกัน แกนนำพรรคฝ่ายค้าน รณรงค์พูดคุยกันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญตามกระบวนการที่มี กลับทำไม่ได้ ถูกนายทหารคนหนึ่งร้องทุกข์ ถามว่าความยุติธรรมเรื่องนี้อยู่ตรงไหน วิญญูชนทั่วไปคงคิดได้ ว่าทำไมทุกอย่างกลับตาลปัตรอย่างนี้
บทบาท กอ.รมน.กลายเป็น คสช.ภาค2
พร้อมกันนี้อยากให้ประชาชน ช่วยกันจับตาและช่วยกันคิดอีกเรื่องหนึ่งคือ บทบาท กอ.รมน. ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของการรัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง คือรัฐประหารปี 2549 ที่มีผลให้เกิด พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และรัฐประหาร 2557
ที่คำสั่งของหัวหน้า คสช. เพิ่มอำนาจให้จนอยู่เหนือข้าราชการจำนวนมาก รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด บทบาทของ กอ.รมน. นี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการรัฐประหาร และวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ได้เดินหน้าทำหน้าที่เพื่อสืบทอดอำนาจ คสช. ได้แปลงตัวเข้ามาในระบบ จนกลายเป็น คสช.ภาค 2 แล้ว
นายปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับตัวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่โดนแจ้งความคดีในครั้งนี้ด้วยนั้น ได้คุยกันแล้ว ยืนยันว่ากำลังใจยังดี ก็หัวเราะตอนรู้ข้อหาความผิด และรู้ชื่อคนที่แจ้งความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะล่าสุดคดีที่นายพลคนนี้ คือ พล.ต.บุรินทร์ ร้องทุกข์กรณีไลฟ์เฟสบุ๊กวิจารณ์พลังดูด อัยการก็เพิ่งมีคำสั่งไม่ฟ้อง