ประมวลภาพ “บิ๊กแดง” บรรยายพิเศษ ซัดคนไทยพบโจชัวหว่อง

ประเด็นน่าสนใจ

พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก จัดการบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “ แผ่นดินของเรา ในมุมมองด้านความมั่นคง “ โดยมีการเชิญข้าราชการระดับสูง อาทิ ปลัดกระทรวงมหาดไทย /รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ เลขานุการจุฬาราชมนตรี /สมาชิกวุฒิสภา /ผู้พิพากษา/ ดารานักแสดงชื่อดัง/ บรรณาธิการบริหารจากสำนักข่าวต่างๆ /รวมถึงนักเรียน นักศึกษา /ร่วมรับฟังการบรรยาย ที่หอประชุมกิตติขจร ภายในกองบัญชาการกองทัพบก ก่อนการบรรยายได้มีการเปิดเพลง แผ่นดินของเรา ในเวอร์ชั่นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมวีดิทัศน์การทำหน้าที่ของทหารในการปกป้องประเทศชาติ

จากนั้น พลเอกอภิรัชต์ ได้เริ่มบรรยายกล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของทหารตามรัฐธรรมนูญมาตรา 52 มีหน้าที่หลักปกป้องสถาบันและประเทศชาติ และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์การเสียดินแดนของประเทศไทยในอดีตทั้ง 14 ครั้ง รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดจากการต่อสู้กับกลุ่มคอมมิวนิสต์ ที่ทำให้พลเอกอภิรัชในวัย 12 ปีอยากเข้ามาเป็นทหาร

และเหตุการณ์สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงร่วมรบต่อต้านกลุ่มคอมมิวนิสต์ที่ยุทธการบ้านหมากแข้ง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งในระหว่างบรรยายพลเอกอภิรัชต์มีน้ำเสียงสั่นเครือและมีน้ำตาคลอ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้แสดงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร ประชาชน จะแยกจากกันไม่ได้

เพราะในอดีตพระมหากษัตริย์ก็เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่ทหาร จากนั้นจึงมีการออกนโยบาย 66/23 ให้ผู้เคยเป็นคอมมิวนิสต์ออกมาจากทหาร ซึ่งก็มีหลายกลับใจได้ ซึ่งได้กล่าวถึงนายสนธิญาณ ชื่นฤทัย ในธรรม ที่มาร่วมรับฟัง และสามรถกลับใจได้ แต่ยังมีนักวิชาการ นักการเมือง บางคน ที่ยังฝังชิบคอมมิวนิสต์อยู่ในสมอง

นอกจากนี้ พลเอกอภิรัชต์ ยังได้ หยิบยกภาพเหตุการณ์ก่อการร้ายและการชุมนุมจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เกาะฮ่องกง โดยระหว่างบรรยายได้เปิดภาพนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนด้านประชาธิปไตย

กับภาพบุคคลปริศนา พร้อมระบุว่า การไปพบกันของทั้งสองนี้เป็นการไปให้กำลังใจ ไปสนับสนุน หรือ มีวาระซ้อนเร้น มีแผนคบคิดอะไรอยู่หรือไม่

พลเอกอภิรัชต์ ยังได้บรรยายถึงสถารการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำให้สูญเสียชีวิตกว่า 4 พันคน ส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นเกิดจากมีรัฐบาลหนึ่งไปยุบการทำงานของ ศอ.บต. จนเป็นที่มาของเหตุการณ์ปล้นปืนกว่า 400 กระบอก

ซึ่งรัฐบาลต่อมาได้มีการแก้ไขปัญหาจนเป็นที่น่าพอใจ มีการลดกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเหลือจนเหลือแต่กำลังของกองทัพภาคที่ 4 ในการดูแลพื้นที่ โดยการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องมีความเข้าใจไม่เหมือนการทำสงครามทั่วไป เพราะแยกไม่ออกว่าศัตรูหรือประชาชน

ส่วนพวกที่ไปจัดงานเสวนา มีนักวิชาการบางคนนั่งไถมือถือ บอกว่าตนเองเชี่ยวชาญการแก้ปัญหาภาคใต้และหยิบยกการแก้ไขรัฐธรรนูญมาตราที่ 1 นั้นตนขอบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ตนตาย แต่ก็ยังจะมีทหารรุ่นใหม่ที่โตขึ้นมาก็จะไม่ยอม เพราะไม่มีประเทศไหนทำกัน แต่การออกมาพูดเรื่องนี้เป็นความฉลาดของนักวิชาการที่อยากแก้มาตราที่ 1 ซึ่งจะไปกระทบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ในช่วงท้ายของการบรรยาย

พลเอกอภิรัชต์ ได้กล่าวว่า สิ่งที่พูดในวันนี้ทุกท่านจะไม่เชื่อผมก็ได้ จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็ได้ แต่ถามว่าปัญหาความมั่นคงจะให้ใครแก้ หรือจะเป็นนักวิชาการบางคน ที่คบคิดคอมมิวนิสต์ เป็นมาสเตอร์มาย นักวิชาการซ้ายจัดไปเรียนเมืองนอกประเทศที่เคยล่าอาณานิคม อ้างแต่ตัวเลข 2475 แต่มีวาจาจาบจ้วงสถาบัน

หรือนักการเมืองที่เห็นประโยชน์พวกฟ้อง พรรคการเมืองที่เอาแต่พูดถึงเรื่องศาสนา การแบ่งดินแดน มาหาเสียง พรรคการเมืองที่เหมือนผึ้งแตกรัง ผู้นำหนีคดีไปเมืองนอก หรือจะเชื่อนักธุรกิจ ที่คาบช้อนเงิน ช้อนทองมาเกิด เหมือนฮ่องเต้ซินโดรมเคยร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มเผาบ้านเผาเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างสถาบัน

จึงขอยืนยันว่า ทหาร และตำรวจ รวมไปถึงตนเองจะยืนเคียงข้างประชาชน ก่อนที่จะจบการบรรยายซึ่งใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที