ประเด็นน่าสนใจ
- นายกรัฐมนตรี แถลงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 วงเงิน 3,200,000 ล้านบาท
- ยืนยัน รัฐบาลจัดสรรงบฯ ยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมาย
- ย้ำ ประมาณการขาดดุล อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อวินัยและฐานการคลังของประเทศในระยะยาว
วันนี้ (17 ต.ค.62) ที่ สัปปายะสภาสถาน รัฐสภาแห่งใหม่ ถนนเกียกกาย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวาระรับหลักการ ว่า งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ได้กำหนดวงเงินไว้ที่ 3,200,000 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
โดยได้มีการประมาณการรายได้สุทธิไว้ 2,731,000 ล้านบาท วงเงินกู้ชดเชยขาดดุลงบประมาณ 469,000 ล้านบาท ซึ่งการขาดดุลงประมาณจำนวนดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อวินัยและฐานการคลังของประเทศในระยะยาว ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2563
คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3-4 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและระบบการค้าโลกที่คาดว่าจะปรับตัวต่อมาตรการกีดกันทางการค้าได้มากขึ้น รวมถึงการขยายตัวในเกณฑ์ดีของอุปสงค์ในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลกที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูงและแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ คาดว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 0.8-1.8 และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณร้อยละ 5.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ในการจัดทำงบประมาณ ปี 2563 รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทและนโยบายของรัฐบาลให้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ สร้างความสามารถในการแข่งขันและเสริมศักยภาพคน ก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ความมั่นคง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการจัดสรรงบประมาณ โดยยึดหลักขับเคลื่อนพัฒนาประเทศตามวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย มีความมั่นคง มั่งคั่งยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
ซึ่งจะใช้ 6 ยุทธศาสตร์ในการจัดสรรงบประมาณ ได้แก่
- 1.ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 428,190.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.4 ของวงเงินงบประมาณ
- 2.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 380,803.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.9 ของวงเงินงบประมาณ
- 3.ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 571,073.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.8 ของวงเงินงบประมาณ
- 4.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 765,209.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.9 ของวงเงินงบประมาณ
- 5.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 118,700.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.7 ของวงเงินงบประมาณ
- 6.ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 504,686.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.8 ของวงเงินงบประมาณ
ขณะที่รายการค่าดำเนินการภาครัฐประกอบด้วย 59 แผนงาน โดยได้จัดสรรงบฯ ในส่วนนี้ไว้ 431,336.6 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือจำเป็น 96,500 ล้านบาท บริหารจัดการหนี้ภาครัฐ272,127.1 ล้านบาท และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 62,709.5 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวในตอนท้ายว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมฝากให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศึกษาพิจารณาให้ครบถ้วนทั้งหมด อย่าดูแค่เพียงวงเงินของแต่ละกระทรวง แต่ขอให้ดูรายละเอียดของการดำเนินงานของแต่ละกระทรวงด้วย
ซึ่งรัฐบาลพร้อมตอบและรับฟังข้อเสนอแนะจากสภา เพื่อดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสภาผู้แทนราษฎร จะสนับสนุนและรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 เพื่อให้รัฐบาลใช้เป็นหลักในการบริหารประเทศต่อไป