ประเด็นน่าสนใจ
- ในเลบานอนประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ซึ่งรัฐได้ประกาศจะเก็บภาษี 20 เซนต์ต่อวันจากประชาชนที่ใช้โทรศัพท์ทางอินเตอร์เน็ตผ่าน WhatsApp
- ประชาชนออกมาประท้วงมาตรการนี้ โดยมีการจุดไฟเผาสถานที่ต่าง ๆ และมีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่
- รัฐบาลได้ยอมถอยและถอนแผนการที่จะจัดเก็บภาษีวอทส์แอปออกไปแล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดการประท้วงต่อต้านทางเศรษฐกิจของรัฐบาลเลบานอน หลังประชาชนในประเทศได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยและมาตรการที่เข้มงวด ที่เริ่มต้นขึ้นในวันพฤหัสที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ในเหตุประท้วงมีการเผาอาคารหลังหนึ่ง ส่งผลให้คนงานต่างด้าวเสียชีวิต 2 คนในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน
นอกจากนี้รายงานระบุว่า ผู้ประท้วงมีการปะทะกับกองกำลังความมั่นคงเลบานอนในกรุงเบรุต เจ้าหน้าที่ได้ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม หลังผู้ประท้วงชุมนุมปิดถนนหลายสาย จุดไฟเผายางรถยนต์ที่กลางถนน และขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ นอกจากนี้สมาชิกกองกำลังรักษาความมั่นคงภายในเลบานอน (ISF) 40 คนได้รับบาดเจ็บจากการประท้วง โดยทาง ISF เรียกร้องให้ผู้ประท้วงหลีกเลี่ยง “ความโกลาหลและความรุนแรง”
อย่างไรก็ตาม การประท้วงครั้งนี้ นับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในเลบานอนในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยมีชนวนมากจากการที่รัฐบาลเลบานอนเพิ่งเสนอมาตรการใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐบาล โดยจะจัดเก็บภาษี 20 เซนต์ต่อวัน จากการใช้โทรศัพท์ทางอินเตอร์เน็ต ผ่านแอปพลิเคชั่นอย่าง “วอทส์แอป” (WhatsApp) ของเฟซบุ๊ก , เฟซบุ๊กคอล และเฟซไทม์
หลังจากมีการกำหนดมาตรการดังกล่าวออกมา ก็ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้ประท้วงชาวเลบานอนจำนวนมากออกมาเคลื่อนไหวประท้วงแสดงความไม่พอใจในทันที โดยล่าสุด รัฐบาลเลบานอนยอมถอนแผนการที่จะจัดเก็บภาษีวอทส์แอปแล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้น การประท้วงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลเลบานอนเพิ่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากกำลังประสบวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนัก ทั้งยังมีภาระหนี้สาธารณะมากที่สุดในโลก จากปัญหาการขาดดุลงบประมาณมหาศาล รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศกำลังหยุดชะงัก และยังประสบปัญหาด้านระบบการเงินอย่างหนัก
ที่มา cnn.com