ประเด็นน่าสนใจ
- โครงการ “ชิมช้อปใช้ เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รอบแรกเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ 10 ล้านคน รอบ 2 3 ล้านคน
- ทำให้สังคมเกิดคำถามว่า ผู้ได้สิทธิ์ประโยชน์ มีเพียง 13 ล้านคนนี้หรือไม่
- ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แจง มั่นใจว่า
เรียกได้ว่า มีกระแสสังคมพูดถึง บ้างก็ตั้งคำถามว่า โครงการ “ชิมช้อปใช้” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ บ้างก็เกิดคำถามและมองว่า มีเพียง 13 ล้านคนที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ เป็นผู้ได้ผลประโยชน์หรือไม่
ล่าสุดทาง ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาพูดถึงมาตรการ “ชิมช้อปใช้” หลังมีกระแสสังคมพูดถึง และตั้งข้อสังเกต ตามที่กล่าวมาข้างต้น ดร.อุตตมระบุว่า มีหลายคำถามเกิดขึ้นมากมายกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562
โดยเฉพาะมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นในระยะที่ 2 เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย การท่องเที่ยวในระบบเศรษฐกิจฐานรากอย่างต่อเนื่อง
ผมขอกล่าวถึงการดำเนินมาตรการนี้ของรัฐบาล ว่า ประโยชน์จากมาตรการระยสั้นนี้ มีจุดประสงค์ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี ผ่านการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ของชุมชนจังหวัดต่างๆ ด้วยการท่องเที่ยว การซื้อสินค้าและบริการ ผ่านผู้ได้รับสิทธิ์จำนวน 13 ล้านคน
โดยจากคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เม็ดเงินที่อัดฉีดลงไปจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินประมาณ 5-6 เท่าในระบบเศรษฐกิจ ผ่านร้านค้า ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน โฮมสเตย์ จำนวนกว่า 1.7 แสนราย ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานราก 2-3 หมื่นล้านบาท
ภาพของการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบ เริ่มต้นจาก ผู้มีสิทธิ์ 13 ล้านคน ใช้สิทธิ์ในร้านค้าประเภท “ชิมช้อปใช้” ซึ่งก็คือ ร้านอาหาร OTOP ร้านค้าชุมชน วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการายย่อย ที่พัก โฮมสเตย์ รวมทั้งสิทธิ์จาก Cash back 15-20% ในกระเป๋า 2
เม็ดเงินนี้จะพุ่งเป้าตรงไปสู่ชุมชน ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจฐานราก ผ่านภาคแรงงาน ภาคบริการ ภาคการผลิต ซึ่งได้แก่ ชาวบ้าน เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ที่จะจับจ่ายใช้สอยในครัวเรือนผ่าน สินค้าอุปโภค บริโภค ไปสู่ภาคการผลิต ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เม็ดเงินจากโรงงานจะกระจายไปยัง แรงงานและครอบครัว ก่อนที่จะหมุนกลับไปที่ ร้านค้า ร้านอาหารในชุมชนอีกครั้ง เป็นเช่นนี้ประมาณ 5-6 รอบการหมุนเวียน หรือมากกว่านั้น
ก่อนที่เม็ดเงินจากระบบการหมุนเวียนจะกลับมายังภาครัฐผ่านระบบภาษี ซึ่งถือเป็นงบประมาณส่วนหนึ่งของรัฐ ที่จะใช้ในการกำหนดนโยบายและโครงการเพื่อการพัฒนาประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชน
ดังนั้น มาตรการ “ชิมช้อปใช้” จึงไม่ใช่การแจกเงินเพื่อให้ผู้มีสิทธิ์จำนวนเพียงแค่ 13 ล้านคนได้รับประโยชน์เพียงเท่านั้น
แต่หมายถึงการเชื่อมโยงภาคเศรษฐกิจฐานรากทั้งประเทศ ร่วมกับโครงการต่างๆ ของรัฐบาลต่อจากนี้ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงในทุกกลุ่มและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศ ด้วยการใช้จ่ายเงินงบประมาณทุกบาทอย่างคุ้มค่าที่สุด