ประเด็นน่าสนใจ
- สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด ทางตร.เร่งสอบสวน แต่คาดมาจากการฆ่าชิงทรัพย์
- เบื้องต้นรถยนต์และมือถือของผู้ตายหายไปด้วย
เกิดคดีสะเทือนขวัญขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อตำรวจรับแจ้งพบศพถูกฆ่ายัดตู้เย็นภายในอาคารพาณิชย์ เลขที่ 90/3 บ้านหลวง หมู่ 3 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในซอยหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง
หลังรับแจ้งตำรวจพิสูจน์หลักฐานพร้อมตำรวจ สภ.จอมทอง และ แพทย์เวร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ท่ามกลางชาวบ้านนับร้อยที่มามุงดูเหตุการณ์ บริเวณห้องครัวที่ต่อเติมด้านข้างตัวอาคาร พบตู้เย็นขนาดใหญ่ถูกวางนอนลงกับพื้น มีผ้าห่มคลุมทับไว้ โดยยังเสียบปลั๊กไฟไว้อยู่ ขางตู้เย็นพบถุงปูนซีเมนต์ 2 ถุง ถูกแกะใช้แล้ว ทั่วบริเวณอาคารส่งกลิ่นเหม็น
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บลายนิ้วมือและร่องรอยหลักฐานในที่เกิดเหตุ ก่อนจะเปิดตู้เย็น พบร่างหญิงคนหนึ่ง คาดว่าจะเป็นนางวรรณี เสียชีวิตอยู่ภายใน สภาพศพนอนคว่ำ มือถือมัดไขว้หลัง มีผงปูนซีเมนต์โรยทับอยู่ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วเกือบสัปดาห์
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าบ้านหลังนี้มีนางสาววรรณี เจริญยิ่ง อายุ58 ปี ชาว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้มาซื้ออาคารพาณิชย์หลังนี้ได้ประมาณ 1 ปี โดยนางสาววรรณีเป็นคนมีฐานะ ชอบปฏิบัติธรรมและเป็นลูกศิษย์ของวัดพระธาตุศรีจอมทอง จึงได้มาซื้ออาคารพาณิชย์หลังนี้เพื่อพักอาศัยระหว่างเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัด
ระหว่างอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ นางสาววรรณียังติดต่อพูดคุยกับญาติพี่น้องตามปกติ กระทั่งวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา นางสาววรรณีขาดการติดต่อกับครอบครัว ญาติพี่น้องโทรศัพท์มาหาก็ติดต่อไม่ได้ จนทำให้นายวรพันธ์ จิรเจริญยิ่ง อายุ 59 ปี พี่ชายของนางวรรณี ได้เดินทางมาหาที่จังหวัดเชียงใหม่
แต่เมื่อมาถึงบ่านกลับพบว่าประตูบ้านถูกปิดล็อคไว้ และ ยังมีกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง จึงให้ช่างกุญแจมาเปิด และ พบตู้เย็นนอนอยู่ ส่งกลิ่นเหม็น และ ยังมีเลือดและน้ำเหลืองไหลออกมาจากตู้เย็น จึงแจ้งตำรวจให้เข้าตรวจสอบ เมื่อเปิดดูแทบช็อคเมื่อพบว่าน้องสาวถูกฆ่าเป็นศพในตู้เย็น
พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง ผกก.สภ.จอมทอง เปิดเผยในเบื้องต้นว่า จากการตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์มือถือและรถยนต์เก๋งบีเอ็มดับเบิลยูของผู้ตายหายไป หลังจากนี้จะเร่งสอบสวนหาหลักฐานเพื่อติดตามคนร้าย ส่วนแรงจูงใจของคนร้ายวางไว้หลายประเด็น โดยให้นำหนักไปที่ฆ่าชิงทรัพย์
ขณะที่หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ส่งศพไปที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อชันสูตรและตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลอีกครั้ง