ประเด็นน่าสนใจ
- อัตราภาษีรถจักรยานยนต์ประกอบด้วย 3%, 5%, 9% และ 18%
- การเก็บภาษี จยย.ตามการปล่อย CO2 เป็นการรักษาวิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง
- มั่นใจไม่กระทบกับ ปปช. วงกว้าง
รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป กรมสรรพสามิต จะมีการปรับขึ้นภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่ จากเดิมจัดเก็บตามขนาดเครื่องยนต์ มาเป็นตามการปล่อย CO2 แทน
โดยนายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่นี้ เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดที่ผ่านมาเมื่อเดือนมกราคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเห็นว่าการจัดเก็บภาษีลักษณะนี้จะทำให้เกิดการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมขึ้นได้
สำหรับอัตราภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่นี้ รถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 150 ซีซี จะจัดเก็บภาษีประมาณ 3% ของราคาขายปลีกหรือราคานำเข้า หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 100 บาท จากเดิมที่เสียภาษีในอัตรา 2.5%
ขณะที่รถจักรยานยนต์ตั้งแต่ที่เครื่องยนต์เกิน 1,000 ซีซี ขึ้นไป หรือ บิ๊กไบค์ จะต้องเสียภาษีเพิ่มคันละประมาณ 1 แสนบาท เนื่องจากกินน้ำมันมีการปล่อย CO2 มาก ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น อีกทั้งรถมีราคาแพงคันละกว่า 1 ล้านบาท
ทั้งนี้การปรับขึ้นภาษีรถบิ๊กไบค์ดังกล่าวคงไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เพราะกลุ่มคนที่ใช้รถจำพวกนี้เป็นบุคคลที่มีฐานะ และรายได้ดี
ขณะที่อัตราภาษีรถจักรยานยนต์ประกอบด้วย 3%, 5%, 9% และ 18% ตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคาดว่ากรมสรรพสามิตเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปี 500-700 ล้านบาท หากผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ ไม่มีการนำเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้