ประเด็นน่าสนใจ
- ออกหมายจับ นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร ข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จากกรณีคดีฆ่าเศรษฐินี
- ทางด้านเพื่อนที่เคยร่วมงานกับ วิฑูรย์ คนร้ายเปิดเผยว่า วิฑูรย์เป็นคนอัธยาศัยดี ชอบทำบุญทำทาน ไม่คิดไม่ฝันว่าจะก่อคดีโหด
จากกรณีที่คนร้ายได้ฆ่าเศรษฐินีนักปฏิบัติธรรม วัย 58 ปี พร้อมนำศพโบกปูนยัดตู้เย็นเพื่ออำพรางในทาวน์โฮม กลางตัวอำเภอจอมทอง
ซึ่งทางศาลจังหวัดฮอดมีการออกหมายจับคนร้ายแล้ว 1 คน คือ นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร หรือเอ็ม อายุ 39 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ลำปาง ในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและรับของโจร ตามหมายจับศาลจังหวัดฮอด เลขที่ จ.41/2562
ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หาข้อมูลที่คิวรถสองแถวจอมทอง – เชียงใหม่ ที่อยู่ห่างจากวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ราว 2 กิโลเมตร โดยพบว่าเพื่อนโชเฟอร์ทุกคนต่างช็อกที่ทราบข่าวว่า นายวิฑูรย์ตกเป็นผู้ต้องหาและออกหมายจับ
หนึ่งในโชเฟอร์ที่คุ้นเคยกับนายวิฑูรย์ เล่าว่า นายวิฑูรย์ได้มาขับรถสองแถวที่คิวนี้ได้ประมาณ 1 ปี ก่อนที่จะออกไปเมื่อ 4 เดือนก่อน เพราะเจ้าของรถไม่ให้เช่าขับต่อ เนื่องจากติดค้างค่าเช่า หลังจากนั้นก็ไม่พบหน้านายวิฑูรย์อีกเลย ทราบเพียงแต่ว่า ไปขับรถรับจ้างส่วนบุคคลแถวหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร รับส่งแม่ชีและลูกค้าอื่น ๆ ที่เคยเป็นลูกค้าประจำ
ช่วงที่ขับรถสองแถว ไม่พบว่านายวิฑูรย์จะมีพฤติกรรมที่ผิดปกติหรือก้าวร้าวอะไร แต่กลับกันนายวิฑูรย์เป็นคนนิสัยดี ร่าเริง อัธยาศัยดี
และยังชอบทำบุญทำทาน ไม่คิดไม่ฝันว่าจะก่อคดีโหดเหี้ยมแบบนี้ได้ ส่วนสาเหตุเชื่อว่าอาจเป็นเพราะความโลภจากเรื่องเงิน
ตำรวจเชื่อคนร้ายขู่บังคับเอารหัสเอทีเอ็มเศรษฐินีก่อนฆ่าทิ้ง
วานนี้ (28 ต.ค.2562) พล.ต.ต.บัณทิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ และ นายวรพันพันธ์ จิรเจริญยิ่ง อายุ 59 ปี พี่ชายของนางสาววรรณี ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในทาวน์โฮมที่เกิดเหตุอีกครั้ง ภายหลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐานและลายนิ้วมือแฝงเพิ่มเติมในวันเดียวกัน
จากการตรวจสอบภายในบ้าน ไม่พบร่องรอยงัดแงะ แต่พบร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของกระจัดกระจายบริเวณชั้นล่าง ใกล้กับจุดที่ตู้เย็นวางอยู่ ส่วนทรัพย์สินที่หายไป นอกจากบัตรเอทีเอ็มและรถยนต์แล้ว ยังมีตุ้มหูเพชรอีกคู่หนึ่งที่หายไปด้วย
เมื่อประมวลเหตุการณ์แล้ว เชื่อว่าคนร้ายน่าจะรู้จักผู้ตายดี ทำให้รู้ว่าผู้ตายเป็นคนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีนี ดูจากการบริจาคทำบุญและซื้อทรัพย์สิน
ด้าน พ.ต.อ.สุคนธ์ เปิดเผยว่า สาเหตุการเสียชีวิต เบื้องต้นพบว่าสาเหตุมาจากการขาดอาการหายใจ หากวิเคราะห์จากการสืบสวน เป็นไปได้ว่าคนร้ายน่าจะพยายามขู่เข็ญเพื่อให้ผู้ตายบอกรหัสเอทีเอ็ม ก่อนจะไปลองกดดู ซึ่งระหว่างนั้นผู้ตายอาจจะมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตามต้องรอผลการชันสูตรเพื่อระบุว่าให้ได้ว่าผู้ตายเสียชีวิตในเวลาใด ซึ่งอาจเป็นได้ว่าเป็นการใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ แต่คนร้ายอาจพลั้งมือทำให้นางสาววรรณีถึงขั้นเสียชีวิต จึงทำให้มีการอำพรางศพ ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าสายรัดข้อมือหรือเคเบิลไทพ์ที่พบใช้รัดข้อมือผู้ตาย ทำให้เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายวางแผนมาล่วงหน้า
ทั้งนี้ทางชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พบข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมาคนร้ายได้ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สีขาว ทะเบียน 9 กจ 3769 กรุงเทพมหานคร ของผู้ตายไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้ขับรถไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มอีกแห่งหนึ่งที่ จ.ลำปาง ก่อนขับกลับเข้ามาที่ จ.เชียงใหม่ ตระเวนกดเงินตามตู้เอทีเอ็มหลายแห่ง โดยบัญชีแรกไปทั้งหมด 1.2 ล้านบาท
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวานนี้ (28 ต.ค.2562) พบคนร้ายเป็นชาย ไปกดเงินของผู้ตายอีกบัญชีหนึ่งที่ตู้เอทีเอ็มใน จ.ระยอง อีกหลายหมื่นบาท ซึ่งบัญชีนี้พบว่า มีเงินในบัญชีทั้งหมด 40 ล้านบาท โดยคนร้านพยายามปิดบังใบหน้าและหลบกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวอยู่ รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางที่รถขับผ่าน ขณะที่เดียวกันมีรายงานว่าตำรวจพบผู้ต้องสงสัยที่อาจร่วมกันวางแผนก่อเหตุในครั้งนี้แล้วและอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล