กระทรวงมหาดไทย อนุพงษ์ เผ่าจินดา

“อนุพงษ์” เหวี่ยงสื่อ ตอบไม่ได้กังวลหรือไม่ หากถูกซักฟอก

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แจงได้รับหนังสือจากคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัยแล้วที่เรียกตนเข้าชี้แจงการจัดสรรงบประมาณแก้ปัญหาน้ำท่วมภัยแล้ง ของกระทรวงมหาดไทย อาจมีการทุจริต และไม่เป็นธรรม ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันทำงานตามหลักของกฎหมายและพร้อมเข้าชี้แจง มองว่าเป็นธรรมดาของการทำงานที่ต้องเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกกังวลหรือไม่ที่มีรายชื่อของตนที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ ตอบว่า…

Home / NEWS / “อนุพงษ์” เหวี่ยงสื่อ ตอบไม่ได้กังวลหรือไม่ หากถูกซักฟอก

ประเด็นน่าสนใจ

  • “บิ๊กป็อก” เหวี่ยงสื่อ ตอบไม่ได้กังวลหรือเปล่า แต่พร้อมแจงทุกเรื่องหากถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
  • โยน ครม. ตัดสินใจขนาดสัมปทาน 40 ปีหรือไม่
  • ชี้การเลือกตั้งท้องถิ่นต้องเป็นไปตามระเบียบของ กกต.

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แจงได้รับหนังสือจากคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัยแล้วที่เรียกตนเข้าชี้แจงการจัดสรรงบประมาณแก้ปัญหาน้ำท่วมภัยแล้ง ของกระทรวงมหาดไทย อาจมีการทุจริต และไม่เป็นธรรม ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันทำงานตามหลักของกฎหมายและพร้อมเข้าชี้แจง มองว่าเป็นธรรมดาของการทำงานที่ต้องเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกกังวลหรือไม่ที่มีรายชื่อของตนที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ ตอบว่า ไม่ชอบตอบคำถามว่ากังวลหรือไม่ ผู้สื่อข่าวที่นี่จะรู้ดี ตนตื่นมากินข้าวแล้วก็มาทำงาน และไม่สามารถตอบได้ว่ารู้สึกกังวลหรือเปล่า แต่ถ้าเชิญมาก็สามารถชี้แจงในทุกเรื่อง

ส่วนที่ฝ่ายค้านตั้งประเด็นว่าจะอภิปรายประเด็นเตรียมขยายระยะเวลาสัมปทาน BTS ให้บริษัท BTSC อีก 40 ปี พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจในวันศุกร์นี้เพื่อที่จะเปรียบเทียบถึงข้อดีข้อเสียต่อประเทศชาติให้ประชาชนและที่ประชุม ครม. รับทราบและพิจารณาต่อไป แต่ยังไม่ได้มีการต่อสัญญาในขณะนี้ ถามตอนนี้เหมือนเป็นการพูดไปล่วงหน้า แต่หสกฝ่ายค้านเชิญไปชี้แจงก็จะเอาผลที่ประชุมไปชี้แจง

ส่วนกรณีการเบิกจ่ายงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตนได้ชี้แจงไปล้วหลายครั้ง ซึ่งหลายคนไม่เข้าใจ คิดว่างบส่วนนี้ต้องเก็บไว้ แต่ความจริงเป็นเงินที่ อปท. เบิกจ่ายไม่ทัน จึงต้องสำรองเก็บไว้และเอาไว้ใช้ในกรณีที่มีงบประมาณจากส่วนกลางอนุมัติมาไม่ทัน ซึ่งต้องมีขั้นตอนการเบิกจ่ายตามกฎหมาย และมีจำนวนเงินรวมเพียงแค่สามแสนกว่าล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละ อปท. ขนาดเล็กจะมีเงินอยู่หลักพัน หรือขนาดก็จะมีเงินอยู่หลักร้อยล้าน แต่สามาาถเบิกใช้ได้ตามกฎหมาย

ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่นต้องเป็นไปตามระเบียบของ กกต. ประกาศไม่ได้อยู่ที่กระทรวงมหาดไทยอย่างเดียว ส่วนของกระทรวงต้องสำรวจความพร้อมงบประมาณของ อปท. แต่ละแห่งว่ามีเงินเหลือเพียงพอให้จัดการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ ถ้าไม่ก็ต้องเบิกจากประมาณรายจ่ายประจำปีซึ่งคาดว่าจะผ่านการพิจารณาในเดือนกุมภาพันธ์ 2563