ประเด็นน่าสนใจ
- รัฐมนตรีกระทรวง ดีอี พร้อมด้วยตำรวจ ปอท.แถลงผลจับกุมมือแฮกเกอร์วัย 19 ปี ป่วนเว็บไซต์ ชิม ช้อป ใช้
- มีการระบุว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ทำการป่วยเป็นครั้งแรก แต่เคยทำตั้งแต่ในโครงการเฟสแรกแล้ว แต่ไม่ส่งผลกระทบมากเท่าในเฟส 2
- จากการกระทำดังกล่าว ไม่พบคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง และไม่พบว่าผู้ต้องหามีเจตนาจะพังระบบ แต่มีลักษณะทำเพื่อทดลองวิชา
วันที่ (29 ต.ค.62) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม และพล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายธีรณัฐ์ มหัทโธนบล อายุ 19 ปี ชาวจังหวัดปัตตานีในข้อหากระทำด้วยประการใดโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับชะลอขัดขวางหรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ตามมาตรา 10 พรบ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ. ศ. 2550
โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านเลขที่ 10 ซอย 1 ตำบลจะบังติกออำเภอเมืองจังหวัดปัตตานีพร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์ประกอบเอง จำนวน 1 ชุด คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คจำนวน 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือจำนวน 7 เครื่อง External Harddisk จำนวน 2 อัน และของกลางอื่นๆรวม 17 รายการ
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี เปิดเผยว่า หลังเข้าประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุ โดยใช้เวลาเพียง 2 วัน ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จากการสอบสวน พบว่าไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก แต่เคยทำตั้งแต่ในโครงการเฟสแรกแล้ว
ทั้งนี้ในครั้งนั้นผู้ต้องหาใช้โปรแกรมอัตโนมัติ หรือ บอท เข้าไปก่อกวนระบบจำนวนไม่มาก คล้ายเป็นการทดลองชุดคำสั่ง จึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก ส่วนวิธีการที่ใช้ก่อเหตุ เริ่มจากการสร้างชุดคำสั่ง นำไปโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อเชิญชวนให้คนนำไปใช้งาน จากนั้นในวันเกิดเหตุก็จะแฝงบอทไปกับคนที่นำชุดคำสั่งดังกล่าวไปใช้ เพื่อเข้าไปในระบบพร้อมๆ กัน มีเป้าหมายเพื่อเข้าไปจองพื้นที่ลงทะเบียน ซึ่งหากทำสำเร็จก็อาจถูกนำไปใช้ทำประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ต่อรองผู้เสียหาย ขายพื้นที่จับจองในระบบ หรือหักเปอร์เซ็นต์ส่วนต่าง ซึ่งนอกจากกรณีนี้แล้ว ยังพบมีอย่างน้อยอีก 2 เว็บไซต์ ที่มีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันด้วย
ด้านพลตำรวจตรีไพบูลย์ น้อยหุ่น ผู้บังคับการ ปอท. เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาลงมือเพียงคนเดียว ไม่พบคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง และไม่พบว่ามีเจตนาจะพังระบบ คล้ายต้องการทำไปเพื่อทดลองวิชา ส่วนเหตุที่เกิดขึ้น หลังจากนี้จะขยายผลต่อไปว่าจะต้องดำเนินคดีกับประชาชนที่นำชุดคำสั่งดังกล่าวไปใช้งานหรือไม่ ซึ่งต้องรอตรวจสอบข้อมูลที่หลงเหลือในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และตรวจสอบไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาเคยก่อเหตุเกี่ยวกับการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในทางที่ผิดอีกหลายคดี มีหลักฐานเป็นซิมโทรศัพท์นับพันชิ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป