ประเด็นน่าสนใจ
- กองทัพตุรกีและซีเรียยิงปืนใหญ่ตอบโต้กันอย่างดุเดือดข้ามพรมแดนเป็นครั้งแรก
- ก่อนหน้านี้รัฐบาลตุรกี ส่งกองกำลังทางทหาร ไปสู้รบกับนักรบชาวเคิร์ดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
- กองกำลังชาวเคิร์ดขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลซีเรีย
องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย หรือ เอสโอเอชอาร์ รายงานข่าว กรณีที่กองทัพซีเรียและกองทัพตุรกียินปืนใหญ่ข้ามพรมแดน หลังรัฐบาลตุรกีปฏิบัติการจู่โจมทางภาคเหนือของซีเรีย บริเวณพรมแดน ใกล้กับเมืองราส อัล-อินของซีเรีย เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นครั้งแรก
เบื้องต้นมีรายงานทหารซีเรียเสียชีวิตอย่างน้อยจากกระสุนปืนใหญ่อย่างน้อย 5 นาย และอีกนาย 1 รายเสียชีวิตจากการสังหารโดยกองกำลังฝ่ายกบฏ ที่ได้รับการสนับสนุนโดยตุรกี ขณะที่ฝ่ายตุรกียังไม่รายงานว่ามีการสูญเสียกำลังพลเกิดขึ้นในฝ่ายของตัวเองหรือไม่
ก่อนหน้านี้กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย หรือ เอสดีเอฟ ถอนกำลังพลออกจากแนวพรมแดนทางเหนือของซีเรีย เป็นไปตาม “ข้อตกลงโซชิ” ที่มีการทำร่วมกันระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กับประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี ซึ่งให้เวลาในการถอนกำลังพลภายใน 150 ชั่วโมง
ส่วนทางด้านพล.อ.เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ที่กล่าวด้วยว่าการจัดตั้งเขตปลอดภัย ตามความต้องการของรัฐบาลตุรกีน่าจะเกิดขึ้นและเสร็จสิ้นก่อนแผนการ คือเป็นระยะทาง 120 กิโลเมตร ตลอดแนวพรมแดนทางเหนือของซีเรีย และลึกประมาณ 30 กิโลเมตร เพื่ออพยพชาวซีเรียกลับประเทศจำนวนมากกว่า 3.6 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย วิจารณ์การกระทำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลวอชิงตันจะหารือและทำข้อตกลงกับบริษัทเอ็กซอนโมบิล หรือผู้ประกอบการด้านพลังงานรายใหญ่แห่งอื่นของอเมริกาในการลงทุนด้านน้ำมันในภาคเหนือของซีเรีย ที่สหรัฐตักสินใจคงกำลังทหารบางส่วนไว้ และเสริมทัพจากภายนอกเข้าไปอีก ว่าเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาโดยมีการระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของสหรัฐ ถือเป็นการปล้นทรัพยากรของประเทศอื่น
ทั้งนี้ทั้งนั้นรัฐบาลตุรกีมองว่าสมาชิกวายพีจีเป็นองค์กรก่อการร้ายเนื่องจากมีการเชื่อมโยงไปยังกลุ่มกบฏชาวเคิร์ดในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี ทว่า การโจมตีสมาชิกวายพีจี ซึ่งถือเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ถอนกองกำลังอเมริกัน 1,000 คนจากซีเรียทางตอนเหนือของต้นเดือนตุลาคม
ที่มา www.aljazeera.com