ชิลียกเลิกจัด ‘ประชุมเอเปค’ หลังประท้วงยืดเยื้อ

ประเด็นน่าสนใจ

เหตุการณ์ประท้วงในประเทศ ชิลี เข่าสู่วันที่ 11 แล้วแต่ ยังไม่สงบแม้รัฐบาลจะยกเลิกมาตรการขึ้นค่าโดยสารสาธารณะแล้วก็ตาม โดยกระทรวงมหาดไทยของชิลีเปิดเผยว่า เหตุประท้วงครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บอีก 743 ราย ตั้งแต่ช่วงประกาศฉุกเฉินระหว่างวันที่ 19-27 ต.ค. ที่ผ่านมา

ขณะที่ตำรวจและสมาชิกกองกำลังติดอาวุธได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน ในระหว่างการประท้วง เจ้าหน้าที่ได้บันทึกเหตุการณ์ความรุนแรงกว่า 1,227 ครั้ง รวมถึงการลอบวางเพลิง การปล้นทรัพย์ และการทำลายทรัพย์สินของรัฐและเอกชน

นอกจากนี้ มีรถตำรวจประมาณ 455 คัน สถานีรถไฟใต้ดิน 49 แห่ง และรถโดย 26 คันจากระบบขนส่งสาธารณะได้รับความเสียหายจากกลุ่มผู้ประท้วงขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานว่าในช่วงเคอร์ฟิว มีผู้ถูกคุมตัว 7,166 ราย และถูกกักขัง 2,037 ราย

อย่างไรก็ดี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี ““เซบาสเตียน ปิเญร่า” ของชิลี ประกาศถอดถอนรัฐมนตรี 8 คน เพื่อรับมือการประท้วงต่อต้านรัฐบาล นอกจากนี้ยังได้ ประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค ที่มีกำหนดจัดขึ้นในเมืองซานติอาโกในวันที่ 16-17 พ.ย.

โดยก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์กันว่า ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” และประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ของจีน จะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกนอกรอบการประชุม “เอเปค” ขณะที่มีรายงานว่าภาคธุรกิจประสบความเสียหายราว 1.4 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลชิลีประกาศภาวะฉุกเฉิน นับตั้งแต่มีการปกครองแบบประชาธิปไตยในปี 2533 อันเนื่องจากความไม่สงบที่เกิดขึ้นในกรุงซานติอาโก