สาววัย 55 ปี ชาว จ.ตรัง ที่ถูกหลานสาวแอบนำสมุดบัญชีเงินฝากไปเบิกเงินเกือบ 1 แสนบาท ล่าสุดทางธนาคารโอนเงินคืนแล้ว พร้อมดำเนินการแจ้งความเอาผิดหลานสาวผู้เสียหาย
จากกรณีที่นางอนุสา ไตรระเบียบ อายุ 55 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง พร้อมญาติพี่น้องรวม 4 คน ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวหลังได้รับความเดือดร้อนจากการที่เงินในบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาห้วยยอด จำนวน 103,000 บาท ถูกนางสาวสายชล เกตุแก้ว อายุ 25 ปี ซึ่งหลานในไส้ ที่ตนเองฝากให้ช่วยเก็บสมุดบัญชีเงินฝากไว้ แอบนำสมุดบัญชีเงินฝากเพียงเล่มเดียว และปลอมลายเซ็น โดยไม่ต้องใช้หลักฐานบัตรประชาชนยืนยันตัวตน ไปลักลอบถอนเงินออกจากบัญชีทั้งหมด 5 ครั้ง จำนวนเงินรวม 83,000 บาท จนเงินเกือบหมดบัญชี คงเหลือติดบัญชีอยู่เพียงจำนวน 20,739 บาทเท่านั้น
และหลังจากเจ้าของบัญชีทราบเรื่องก็พยายามถามหาความรับผิดชอบจากธนาคาร แต่ได้รับการปฏิเสธ และไล่ให้เจ้าของบัญชีไปตกลงเอาเงินคืนจากหลานสาวเอาเอง เพราะในการเบิกมีลายเซ็นต์ถูกต้อง และหากไม่ได้คืนก็ให้ไปแจ้งความเอาผิดกับนางสาวสายชลเอาเอง จนกระทั่งมีการร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวจนกลายเป็นข่าวตามมาก่อนหน้านี้
ล่าสุดในช่วงเย็นของวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา นางอนุสา ไตรระเบียบ และญาติพี่น้องได้รับการติดต่อจากทางธนาคารกรุงไทย สาขาห้วยยอดว่าจำนวนเงินที่ถูกหลานสาวแอบไปปลอมลายเซ็นต์เบิกถอนไปจากธนาคารจำนวน 83,000 บาท นั้น ทางธนาคารได้โอนเงินจำนวนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยคืนเข้าบัญชีให้แล้ว จึงได้รีบเดินทางไปติดต่อกับธนาคารอีกครั้ง พบว่าจำนวนเงินดังกล่าวที่ถูกเบิกถอนไปได้รับการชดใช้คืน พร้อมดอกเบี้ยเข้าบัญชีให้แล้วจริง ทำให้นางอนุสาและญาติพี่น้องดีใจเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นทางตัวแทนธนาคารกรุงไทย สาขาห้วยยอด ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ห้วยยอด เพื่อดำเนินคดีกับนางสาวสายชล เกตุแก้ว อายุ 25 ปี ชาวหมู่ 1 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารลายเซ็นต์เบิกถอนเงินแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป