รุกพื้นที่อุทยาน สวนส้มนายทุน

ตรวจยึดสวนส้มนายทุน บุกรุกพื้นที่ อช.ดอยผ้าห่มปก เนื้อที่ 128 ไร่

เจ้าหน้าที่พญาเสือ ร่วมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกตรวจยึดสวนส้มนายทุน ที่ได้บุกรุกพื้นที่ อช.ดอยผ้าห่มปก เนื้อที่ 128 ไร่ หลังจากการบุกตรวจสอบพบการใช้สารเคมีอันตรายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่บุกตามที่ได้รับแจ้งว่ามีนายทุน เข้าไปซื้อ/เช่าซื้อ/ยึดถือ ครอบครองที่ดินในเขตป่าพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เพื่อปลูกพืชผลอาสิน ประเภทส้ม บริเวณป่าบ้านดง…

Home / NEWS / ตรวจยึดสวนส้มนายทุน บุกรุกพื้นที่ อช.ดอยผ้าห่มปก เนื้อที่ 128 ไร่

ประเด็นน่าสนใจ

  • พญาเสือ ร่วม อช.ดอยผ้าห่มปก ตรวจยึดสวนส้มนายทุน บุกรุกพื้นที่ อช.ดอยผ้าห่มปก เนื้อที่ 128 ไร่ พบสารเคมีอันตรายเพียบ
  • ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตืดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี

เจ้าหน้าที่พญาเสือ ร่วมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกตรวจยึดสวนส้มนายทุน ที่ได้บุกรุกพื้นที่ อช.ดอยผ้าห่มปก เนื้อที่ 128 ไร่ หลังจากการบุกตรวจสอบพบการใช้สารเคมีอันตรายจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่บุกตามที่ได้รับแจ้งว่ามีนายทุน เข้าไปซื้อ/เช่าซื้อ/ยึดถือ ครอบครองที่ดินในเขตป่าพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เพื่อปลูกพืชผลอาสิน ประเภทส้ม บริเวณป่าบ้านดง หมู่ที่ 5 และป่าบ้านโป่งไฮ หมู่ที่ 15 ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก และเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง

จากการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่พบการกระทำของนายทุนในลักษณะการเข้าไปซื้อ/เช่าซื้อ/ยึดถือ ครอบครองที่ดินที่ราษฎรแจ้งครอบครองเพื่อรอการพิสูจน์สิทธิตามมติ ครม. 30 มิ.ย.41 ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จึงรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความตรวจยึดพื้นที่/ดำเนินคดีกับนายทุน จำนวน 6 ราย รวมทั้งสิ้น 7 แปลง เนื้อที่รวม 128-1-56 ไร่

ขณะนี้ คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ กำลังอยู่ระหว่างจัดทำบันทึกการตรวจสอบ/ตรวจยึด พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสืบสวน/สอบสวน และติดตามตัวผู้กระทำผิด และ/หรือผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ฐานความผิดของผู้กระทำความผิดมีดังนี้

ฐาน “ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี วรรคสอง

ฐาน “ผู้ใดครอบครองป่าที่ถูกแผ้วถาง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็น ผู้แผ้วถางป่านั้น” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 55

ฐาน “ยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 วรรคสอง (2) และ (3)

ผู้ใดกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นเหตุให้เกิดการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 26/4

ฐาน “ยึดถือ ครอบครอง ก่นสร้าง แผ้วถางป่า ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16 (1) และมาตรา 24

ฐาน ” ปิดหรือทำให้กีดขวางแก่ทางน้ำภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16 (6) และมาตรา 25

ฐาน “เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16 (13) และมาตรา 27

ฐาน “กระทำหรือละเว้นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทำลายหรือทำให้ สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐ หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไป” ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 97

ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9 ฐาน “ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการเหมืองแร่และการป่าไม้ที่ดินของรัฐนั้นถ้ามิได้มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ห้ามมิให้บุคคลใด(1) เข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่นสร้างหรือเผาป่า”