ประเด็นน่าสนใจ
- ตำรวจมีการลงพื้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายไปเมื่อวานนี้ มีกระแสข่าวว่า ตำรวจจะคุมตัวรุ่นพี่ทั้ง 12 คน
- ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ นายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือ ปลื้ม อายุ 22 ปี นักศึกษา ปี 2 คณะวิศวกรรมโยธา รุ่น 89
- ทาตำรวจเตรียมออกหมายเรียก ผู้เกี่ยวข้อง กว่า 40 ราย แต่คนที่ทำให้น้องเสียชีวิตกำลังดำเนินการตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องที่มีโทษทางอาญาสูง
วันนี้ (10 มิ.ย.64) ที่ สถานีตํารวจนครบาลปทุมวัน หลังตำรวจมีการลงพื้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายไปเมื่อวานนี้ มีกระแสข่าวว่า ตำรวจจะคุมตัวรุ่นพี่ทั้ง 12 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ นายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือ ปลื้ม อายุ 22 ปี นักศึกษา ปี 2 คณะวิศวกรรมโยธา รุ่น 89 แผนกวิศวกรรมก่อสร้าง มาสอบปากคำ
ล่าสุด พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับ สน.ปทุมวัน เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินคดี ผู้ที่เกี่ยวข้อง เหตุ น้องปลื้ม ถูกรุ่นพี่ทำร้ายจนเสียชีวิต ว่าวันนี้ยังไม่มีข้อมูลของการเข้ามอบตัว โดยตำรวจจะออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดภายในวันนี้ เพื่อเข้ามาให้การ
ซึ่งบุคคลที่จะออกหมายเรียกนั้นมีมากกว่า 12 และเป็นคนที่เกี่ยวข้องที่เป็นพยานในคดีนี้ เช่น รปภ.ครูเวรประจำวัน รุ่นพี่ 12คน รวมถึงรุ่นน้องที่อยู่ในเหตุการณ์ 30 คน แต่คนที่ทำให้น้องเสียชีวิตกำลังดำเนินการตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องที่มีโทษทางอาญาสูง จึงต้องให้พยานหลักฐานรัดกุม และต้องได้รับความร่วมมือจากหลายส่วนโดยเฉพาะ นักศึกษาอุเทนถวาย
โดยการสอบปากคำนั้น วันนี้จะสามารถเชิญกลุ่ม รปภ. ครูเวรประจำวัน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของอุเทนถวาย รวมถึงผู้เกี่ยวข้องกับผลการชันสูตรของโรงพยาบาลหัวเฉียว กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา มาได้ก่อน แต่กลุ่มนักศึกษาอุเทนถวายที่เป็นรุ่นพี่ และผู้อยู่ในเหตุการณ์
ขณะนี้ส่วนใหญ่ ยังติดงานบำเพ็ญกุศลศพของน้องปลื้ม อยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งหลังเสร็จสิ้นงานศพก็จะต้องมาให้การ ทั้งนี้หากพยานหลักฐานที่กำลังดำเนินการ พบชัดเจนจนสามารถออกหมายจับได้ก็ต้องดำเนินการ แต่ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตำรวจ ยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างเต็มที่ และอยากให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ ไม่มีช่วยใคร คนผิดต้องรับผิดชอบ
ส่วนกรณีที่มีพยานบางรายเกรงกลัวการเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำนั้น ทางตำรวจยืนยันว่า จะให้ความปลอดภัยและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หากมีการสอบปากคำแล้วพบว่าบุคคใด ให้ข้อมูลไม่ตรงกันก็จะถือว่าเข้าข่ายให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่ รวมทั้งหากพบว่า สถาบันมีการปกปิดข้อมูล โดยเฉพาะเรื่องตัวเลขและจำนวนของผู้ที่เกี่ยวข้องที่เข้าร่วมกิจกรรมตำรวจก็จะแจ้งความดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ความผิดที่ชัดเจนที่จะต้องดำเนินการคือ ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้เกิดความตายในพื้นที่อุเทน และ ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ส่วนข้อหาบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาล ทางมหาวิทยาลัยยังไม่มาแจ้งดำเนินคดี ทั้งนี้ก็ถือเป็นดุลยพินิจของมหาลัยเพราะเป็นเจ้าของสถานที่
ภาพ : วิชาญ โพธิ