ปลูก ‘ข้าวไรซ์เบอร์รี่’ แบบพึ่งพาตนเองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

แม้ปัจจุบันปัญหาราคาข้าวตกต่ำ และสร้างความทุกข์ใจให้กับพี่น้องชาวนา จนทางรัฐบาลต้องมีนโยบายเร่งด่วนในการเข้าช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตามชาวนาก็ต้องจำใจขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้สินจากการลงทุนทำนาข้าว ย่อมแน่ชัดว่าชาวนาแต่ละรายมีต้นทุนไม่เท่ากัน บางรายทำนาแต่ละครั้ง ไหนจะค่าเช่าที่ ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าสีข้าวจากการจ้างโรงสี เมื่อหักลบแล้วกลับเหลือเงินอันน้อยนิด วันนี้ MThai News ในช่วง…

Home / NEWS / ปลูก ‘ข้าวไรซ์เบอร์รี่’ แบบพึ่งพาตนเองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

แม้ปัจจุบันปัญหาราคาข้าวตกต่ำ และสร้างความทุกข์ใจให้กับพี่น้องชาวนา จนทางรัฐบาลต้องมีนโยบายเร่งด่วนในการเข้าช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตามชาวนาก็ต้องจำใจขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้สินจากการลงทุนทำนาข้าว ย่อมแน่ชัดว่าชาวนาแต่ละรายมีต้นทุนไม่เท่ากัน บางรายทำนาแต่ละครั้ง ไหนจะค่าเช่าที่ ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าสีข้าวจากการจ้างโรงสี เมื่อหักลบแล้วกลับเหลือเงินอันน้อยนิด

วันนี้ MThai News ในช่วง ‘เกษตรสร้างรายได้‘ ขอพาทุกท่านไปพบกับคุณสมเจตน์ กลัดเล็ก หรือคุณเจต เกษตรกรในพื้นที่ หมู่ 3 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ชาวนาที่หันมาปลูก ‘ข้าวไรซ์เบอร์รี่‘ และข้าวสายพันธุ์อื่นๆ อีกหลากหลายชนิด และยังทำนาแบบพึ่งพาตนเอง โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

คุณเจต เผยว่าแต่เดิมนั้นที่บ้านทำสวนส้ม ปลูกมะม่วงส่งขาย ในพื้นที่กว่า 70 ไร่ และมีการปลูกข้าวแบบใช้เคมีมาโดยตลอด กระทั่งปี 2538 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ต้นไม้เสียหายเป็นจำนวนมาก จึงหันมาปลูกข้าวอย่างเต็มตัว ช่วงแรกๆยังคงทำนาแบบเคมี จนมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงาน ได้เห็นข้าวที่ปลูกเพื่อสุขภาพ จึงเกิดแนวคิดที่จะปลูกข้าวแบบไม่ใช้สารเคมีบ้าง เนื่องจากคิดว่าการปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี จะส่งผลดีทั้งตัวผู้ปลูก และผู้บริโภค

dscn6836
ข้าวไรซ์เบอร์รี่

โดยเริ่มต้นจากเรื่อง ‘ดิน’ ควรมีการปรับสภาพและฟื้นฟูสภาพดินให้สมบูรณ์ ก่อนการหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยใช้น้ำหมักชีวภาพราดให้ทั่วพื้นที่เพาะปลูก ก่อนจะนำเมล็ดข้าวไปแช่นำ โดยที่นาข้าวของคุณเจต จะหว่านเมล็ดข้าวต่อไร่ไม่เกิน 10 – 20 กิโลกรัม เพื่อไม่ให้ต้นข้าวมีความหนาแน่นจนเกินไป ซึ่งจะเป็นผลดีต่อต้นข้าวโดยตรง และยังลดการเกิดโรคและแมลงศัตรูพืชได้

ทั้งนี้ที่นาข้าวของคุณเจตปัจจุบันจะปลูกข้าวหลากหลายชนิดด้วยกันตามความต้องการของตลาด แต่ช่วงนี้จะเน้น ‘ข้าวไรซ์เบอร์รี่’ เป็นหลัก ชนิดอื่นๆ อาทิข้าวหอมนิล ข้าวพันธุ์สินเหล็ก ข้าวพันธุ์สังข์หยด ข้าวหอมปทุม และข้าวขาวตาแห้ง (ข้าวแข็ง)

โดยข้าวไรซ์เบอร์รี่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 135 วัน จึงสามารถเก็บเกี่ยวได้จะได้ผลผลิตต่อไร่ประมาณ 500 กิโลกรัม (แบบข้าวเปลือก) ส่วนข้าวหอมนิล จะใช้ระยะเวลาประมาณ 95 – 120 วัน ข้าวสินเหล็ก จะใช้ระยะเวลาประมาณ 100 วัน และข้าวสังข์หยด จะใช้ระยะเวลาประมาณ 100 วัน จะได้ผลผลิตต่อไร่ประมาณ 400 กิโลกรัม ซึ่งจะปลูกไล่ลำดับแต่ละช่วงเดือนกันไปเพื่อให้มีผลผลิตต่อเนื่อง

dscn6847

คุณเจตยังบอกอีกว่าการปลูกข้าวที่แปลงนาตนเองนั้น จะไม่เน้นปลูกทีละมากๆ แต่จะปลูกตามความเหมาะสม โดยจะปลูกเพียงปีละ 2 ครั้ง ซึ่งจะต้องเช็กปริมาณข้าวเปลือกที่อยู่ภายในสต็อก หากตัวไหนขาดหรือมีปริมาณน้อยก็จะเน้นข้าวพันธุ์นั้นๆ ส่วนโรคและแมลงศัตรูหลักของข้าว จะเป็นพวกเพลี้ยไฟ จะแก้ปัญหาด้วยการใช้น้ำหมักชีวภาพจากฟ้าทะลายโจรพ่นให้ทั่ว ก็จะช่วยป้องกันได้ โดยจะไม่ใช้สารเคมีเลย เพื่อให้ได้ข้าวที่ดี นอกจากมีคุณภาพแล้ว ต้องปลอดภัยต่อผู้บริโถคอีกด้วย คุณเจตกล่าว

เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว หลังเกี่ยวข้าวแล้วควรจะตากข้าวไว้ทันทีเพื่อเป็นการไล่ความชื้นของข้าวเปลือก หากเกี่ยวข้าวแล้วไม่ตากจะทำให้ข้าวเปลือกคุณภาพลดลง และยังส่งผลต่อราคาขายในอนาคต และไม่ควรเกี่ยวข้าวในช่วงหน้าฝน โดยจะหยุดทำนาในช่วงเดือน พ.ค. เนื่องจากเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง จะมีปริมาณน้ำเค็มมาก

ทั้งนี้คุณเจตจะเน้นแปรรูปสินค้าด้วยการพึ่งพาตนเองทุกขั้นตอน โดยลงทุนซื้อเครื่องสีข้าว เครื่องคัดแยกข้าวเปลือก รวมทั้งเครื่องที่ใช้ในการทำบรรจุผลิตภัณฑ์ นอกจากเป็นการลดต้นทุนแล้ว จะสามารถเพิ่มมูลค่าของข้าวได้อีกด้วย ส่วนราคาที่ขายนั้น 1 กิโลกรัมจะอยู่ที่ 65 บาท โดยจะสีข้าวตามจำนวนออร์เดอร์ที่เข้ามาเท่านั้น

โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนภายในชุมชน และลูกค้ารอบนอกที่เข้ามาซื้อเพื่อนำไปออกบูธจัดจำหน่ายตามงานต่างๆ ส่วนรายได้ต่อเดือนนั้นประมาณ 25,000 – 30,000 บาท หากเป็นช่วงที่มีออร์เดอร์เข้าเยอะ สามารถทำเงินได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทเลยทีเดียว

dscn6845

อย่างไรก็ตามคุณเจต กล่าวทิ้งท้ายอีกว่าเกษตรกรที่ทำนาควรมีการคิดต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้สินค้าตนเอง และรู้จักเรียนรู้และทดลองวิธีการปลูกอยู่ตลอดเวลา ต้องมีความกระตือรือร้น ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งจะทำให้ได้ความรู้ใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ และที่สำคัญควรทำนาแบบพอดีไม่มากจนเกินตัว ตามกำลังการผลิตของตัวเราเอง โดยยึดเศรษฐกิจพอเพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาที่ได้อย่างยั่งยืน

หากท่านได้สนใจอยากเรียนรู้การปลูก ‘ข้าวไรซ์เบอร์รี่’ อย่างละเอียดสามารถสอบถามได้ที่ คุณสมเจตน์ กลัดเล็ก เบอร์โทร 089-881-2892

dscn6821

dscn6823

dscn6824

dscn6828

เรื่อง/ภาพ ธเนตร พุทธิตระกูล

ติดตามสกู๊ปข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com

MThai News