ประเด็นน่าสนใจ
- รองอธ.ดีเอสไอ แจ้งผลการตรวจนิติวิทยาศาตร์ให้เมีย “บิลลี่” ทราบอย่างเป็นทางการ
- เมีย “บิลลี่” มีสิทธิ์เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมในคดี
- เมียเผย วิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยง ไม่มีพิธีกรรมนำกระดูกของคนตายไปลอยอังคาร
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางมาเยี่ยม น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยา นายพอละจี รักจงเจริญ ที่บ้านป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ฝากความห่วงใยมาด้วย และยังเป็นการแจ้งผลการตรวจพิสุจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการด้วย
โดยนำแผนผังคดีมามอบให้ “มึนอ” ดูว่า เท่าที่รับฟังการแถลงข่าวทางทีวีแล้วยังติดใจสงสัยประเด็นใดจะชี้แจงให้กระจ่างชัด เพราะตามกฎหมาย มึนอ ถือว่าเป็นผู้เสียหายแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่ก็เป็นภรรยาโดยพฤตินัย เป็นโจทก์ร่วมในคดีได้
สำหรับกระดูกที่พบ บริเวณใกล้เคียงกับถังน้ำมัน 200 ลิตรมีจำนวน 20 ชิ้น ตรวจสอบเป็นชิ้นส่วนมนุษย์แล้ว 8 ชิ้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนชิ้นกะโหลกศีรษะด้านซ้าย เชื่อมโยงทาง DNA แล้วพบว่าเป็นของนายบิลลี่
ทั้งนี้ จะมอบเงิน ช่วยเหลือคดีจากกรมคุ้มครองสิทธิ์ ให้แก่มึนอ ในวันที่ 18 กันยายนนี้ ยืนยันว่าจะ ทำงานอย่างตรงไปตรงมา เต็มความสามารถ ไร้ใบสั่งจากใครทั้งสิ้น
ส่วนประเด็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระบุว่าสะพานแขวนเป็นจุดลอยอังคาร จึงพบเห็นเศษกระดูกอยู่บ่อยๆ และรวมถึงเหล็กเส้น และถังแดงนั้น รองอธิบดีดีเอสไอ บอกว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ไม่อยากตอบโต้
ด้านนางพิณนภา (มึนอ) พฤกษาพรรณ กล่าวกับ DSI ทั้งน้ำตา ว่าเป็นห่วงว่าผู้มีอิทธิพล จะทำให้ เกิดการแทรกแซงคดีจนที่สุด ไม่สามารถหาฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าสามีได้ อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณกรมสอบสวนคดีพิเศษที่หาโครงกระดูกบิลลี่จนพบ นำมาสู่ขั้นตอนของการค้นหาฆาตกรต่อไป
ยืนยันว่า วิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยง ไม่มีพิธีกรรมนำกระดูกของคนตายไปลอยอังคารในน้ำจะมีก็แต่ฝังในป่า และการเผา โดยเมื่อทำพิธีเผา และฝังเสร็จแล้วก็จะเอากระดูกเก็บไว้ตรงนั้น