หุ้นไทย คาดแกว่งตัว Sideways Up จากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบกลับมาบวกแรง เน้นสะสมหุ้นพื้นฐานกลับในช่วงตลาดพักตัว
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุบทวิเคราะห์วันนี้ (16 ม.ค.) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทย คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ได้จากกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะนำตลาด หลังราคาน้ำมันดิบกลับมาบวกแรงจากการที่จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่
ขณะที่สภาอังกฤษโหวตคว่ำร่างข้อตกลง Brexit โดยคะแนน 432 ต่อ 202 เสียงทำให้ยังมีความไม่แน่นอนสำหรับการเมืองอังกฤษและการแยกตัวออกจาก EU ขณะที่วิกฤตชัตดาวน์สหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อเนื่อง เรามองว่ากระแส
เงินทุนมีโอกาสไหลเข้า Emerging Market ในระยะนี้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทย ยังเน้นสะสมหุ้นพื้นฐานกลับในช่วงตลาดพักตัว พอร์ตหลักยังถือต่อ ขณะที่หุ้นเด่นเดือน ม.ค. ได้แก่ BBL, BEM, CK, CPALL, ERW
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น โดย NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. +1.60 ดอลลาร์ (+3.2%) มาอยู่ที่ 52.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ตอบรับกับมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และตลาดที่คาดหวังว่าสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง อีกทั้งยังมีประเด็นความกังวลด้านสงครามตะวันออกกลางที่อาจกลับมาอีกครั้ง เป็นบวกต่อ PTTEP PTT และ PRM
(+) กลุ่มมีเดีย ที่ประชุม กสทช.วาระพิเศษ เมื่อวาน (15 ม.ค.) เห็นชอบหลักการร่างหลักเกณฑ์เรียกคืนคลื่น 700 MHz เพื่อประมูล 5G และมาตรการเยียวยาทีวีดิจิทัลจากเงินประมูล โดยคาดจะนำร่างไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในปลายเดือนก.พ. หวังประมูลเดือนพ.ค.19
หากมีมาตรการเยียวยาออกมาจริง จะเป็นการช่วยเหลือครั้งที่ 3 และจะท้าให้มีการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มทีวีมากขึ้น โดยเฉพาะ BEC และ WORK ที่ราคาลงมาแรงมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่เรายังมองการประมูลมีโอกาสล่าช้า และความสนใจเข้าร่วมประมูลคลื่นของผู้ประกอบการมือถือไม่น่ามาก
เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้ใช้เงินไปกับการประมูลคลื่นหลายครั้ง เราให้น้ำหนักกับปัญหาหลักของธุรกิจทีวี คือ ด้านรายได้ที่ถูกกระทบจากการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการมากราย และการถูกแย่งเม็ดเงินจากสื่อ Digital ใหม่ๆ TopPick ในกลุ่มยังคงเป็น RS (ราคาเป้าหมาย 18) VGI (ราคาเป้าหมาย 8.70) และ PLANB (ราคาเป้าหมาย 8.20)
(-) AOT ราคาหุ้นร่วง 2.6% วานนี้มาจากความกังวลใน 2 ประเด็น คือ (1) กรมธนารักษ์มีแผนจัดเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุเพิ่มอีก 3-4% (2) ภาวะหมอกควันปกคลุมกรุงเทพฯ ที่อาจกระทบการท่องเที่ยว เรามองว่าทั้ง 2 ประเด็นเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้น ซึ่งจะถูกหักล้างได้ทั้งหมดจากงบ 1Q19 (ต.ค.-ธ.ค. 18) ที่คาดว่าจะออกมาดี
เพราะจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารยังเติบโต และมีการทำโปรโมชั่นกระตุ้นช่วง Off Peak ขณะที่ภาพระยะยาวจะได้แรงหนุนจากการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่จะทำให้รายได้เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ปี 2021 ตามพื้นที่และค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นการพักตัวของราคาหุ้นจึงถือเป็นโอกาสซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 73 บาท