เตรียมเพิ่มสิทธิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กดเงินสดได้

เตรียมเพิ่มสิทธิพิเศษ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กดเงินสดได้ หลังผลสำรวจการใช้งานพบสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีที่จังหวัดลำปาง ว่า ครม. ได้มีการหารือถึงการพัฒนา “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเป็นเงินสดและนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ส่วนหนึ่งจากยอดที่ให้ไปทั้งหมด แต่ต้องเหลือเงินจำนวนหนึ่งไว้ใช้ซื้อของในร้านค้าประชารัฐด้วย…

Home / NEWS / เตรียมเพิ่มสิทธิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กดเงินสดได้

เตรียมเพิ่มสิทธิพิเศษ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กดเงินสดได้ หลังผลสำรวจการใช้งานพบสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีที่จังหวัดลำปาง ว่า ครม. ได้มีการหารือถึงการพัฒนา “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเป็นเงินสดและนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ส่วนหนึ่งจากยอดที่ให้ไปทั้งหมด แต่ต้องเหลือเงินจำนวนหนึ่งไว้ใช้ซื้อของในร้านค้าประชารัฐด้วย

และสามารถถอนเงินที่ได้รับเป็นเงินสดได้บางส่วน ในช่วงกุมภาพันธ์ – เมษายน 2562 โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี ที่ได้รับการเติมเงิน 300 บาท สามารถถอนเงินสดผ่านตู้ ATM และสาขาของธนาคารกรุงไทยได้ 200 บาท ส่วนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ได้รับการเติมเงิน 200 บาท สามารถถอนเงินสดได้ 100 บาท

ส่วนการประเมินการใช้จ่ายงบประมาณครั้งนี้ พบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ ทั้งนี้มีรายงานยอดการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พบว่ามีการใช้จ่าย 53,322 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรูดบัตร หรือ อีดีซี (EDC) 52,276 ล้านบาท และร้านค้าที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่น ถุงเงินประชารัฐ 1,045 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ผลดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาเป็นเวลา 1 ปี ถือเป็นที่น่าพอใจ ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ผู้มีรายได้น้อย

ขณะที่รัฐบาลพร้อมขยายร้านค้าที่ใช้แอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐเพื่อให้บริการเพิ่มเติม ส่วนการฝึกอาชีพจะมีการเสนอโครงการขยายเวลาการฝึกอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อย ที่มาลงทะเบียนกับรัฐต่ออีก 6 เดือน ให้ไปสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งต้องใช้เงิน 3 พันล้านบาท สำหรับในเฟสแรกการฝึกอาชีพช่วยทำให้มีคนหลุดพ้นจากความจนไปแล้วกว่า 1 ล้านคน