ประเด็นน่าสนใจ
- ร้านนวดเพื่อสุขภาพโดยผู้พิการทางสายตา ยังคงต้องปิดต่อหลังมีคำสั่งปิดต่ออีก 14 วัน
- โดยเฉพาะหมอนวดที่ร้าน เป็นผู้พิการทางสายตา จึงมีข้อจำกัดในการที่จะไปประกอบอาชีพอื่น ๆ
- ในขณะที่หลายคนยังคงมีรายจ่ายที่จะต้องใช้จ่าย บางคนต้องส่งเงินกลับบ้าน
- หลังมีประกาศจะให้เปิดได้ หมอนวดบางรายรีบนั่งรถจากต่างจังหวัดเข้ามา แต่สุดท้ายยังไม่ทันถึงร้าน มีคำสั่งใหม่ให้ปิดต่อ 14 วัน
“บ้านสุรีย์พร” ร้านนวดเพื่อสุขภาพโดยผู้พิการทางสายตา โดยคุณสุรีย์พร ได้เปิดเผยความว่า ตนมีภาระที่จะต้องเลี้ยงดูผู้พิการทางสายตาซึ่งเป็นหมอนวดของทางร้านกว่า 9 ชีวิต ที่ตอนนี้กำลังเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพหมอนวดเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว จากคำสั่งของ กทม. ที่ถูกประกาศว่าเปิดได้ แต่กลับถูกยกเลิกไปภายในเวลาเดียวกัน และเลื่อนไปอีกถึง 14 วัน
คุณสุรีย์พร เล่าว่า “เมื่อครั้งแรกที่มีการระบาด ก็ต้องไปกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งทำให้เป็นหนี้ เป็นหนี้สินที่ไม่ได้เกิดจากเราเลย คือคุณสั่งปิดแล้วไม่ได้มีมาตราการช่วยเหลืออะไรเรา เราต้องดิ้นรนกันเอง แถมสั่งปิดเราสองสามครั้ง ถามว่าเราจะเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายถ้าไม่ไปกู้ ล่าสุดที่ กทม. ประกาศว่าให้เปิดได้ ทุกคนดีใจที่จะได้เปิดร้าน ลูกค้าเห็นข่าวแล้วก็โทรมาจองคิวยาวเป็นหางว่าว น้องหมอนวดที่อยู่ต่างจังหวัดก็รีบนั่งรถจากเพชรบูรณ์ นั่งมายังไม่ทันถึงกรุงเทพ ศคบ. ประกาศเลื่อนไปอีก 14 วัน จากที่ยิ้มๆกันอยู่ก็หน้าซีดเลย ต้องตีรถกลับไปโดยไม่ได้อะไร เสียค่ารถไป 600 กว่าบาท ซึ่งเงินขนาดนี้เขากินข้าวได้อีกเป็นอาทิตย์”
ผู้พิการทางสายตาที่นี่ ต่างก็มีภาระที่ต้องดูแลครอบครัวกันทุกคน โดยนายสมพร บุญฤทธิ์ ผู้พิการทางสายตา ได้เล่าว่า “มีภาระที่ต้องส่งเงินเลี้ยงดูแม่กับหลานอีกสองคน ปกติมีเงินส่งให้ตลอด แต่ตอนนี้กลับต้องไปกู้เป็นหนี้เป็นสิน”
ส่วนนายสุรเดช เสนีย์นวล ผู้พิการทางสายตาอีกคนได้เล่าว่า
“ผมต้องส่งเงินไปเลี้ยงหลาน ปกติส่งให้อาทิตย์ละพัน ตอนนี้ต้องเอาเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 ส่งให้หมดเลย ส่วนตัวผมอยู่ที่นี่มีลูกค้าที่เคยมาใช้บริการ เขาใจดีเขาข้าวสารกับไข่มาให้ ก็กินพออยู่ได้”
“คือพอร้านปิด รายได้ของพวกเขาก็เท่ากับศูนย์เลย เพราะผู้พิการทางสายตาไม่สามารถไปประกอบอาชีพอื่นได้ง่ายเหมือนคนอื่นๆ เขามองไม่เห็น ที่เขาสามารถประกอบอาชีพได้เกิดมาจากการฝึกทำซ้ำจนชิน ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก” คุณสุรีย์พรกล่าวเสริม
สุดท้าย ทีมข่าว MThai ได้ถามว่า คาดหวังอะไรจากภาครัฐในตอนนี้ คุณสุรีย์พรกล่าวว่า
“ไม่ขออะไรมาก ขอแค่เขาให้โอกาสเราเปิดทำมาหากินเพื่อเลี้ยงตัวเองได้ เงินวันละร้อยสองร้อยก็ยังดี ให้เขาพอมีรายได้ วัคซีนเราก็ฉีดกันหมดแล้ว อีก 14 วันขอให้เป็นเรื่องจริง”
ภาพ – กฤติกร จิตติอร่ามกูล