หนุ่มเมืองนนท์รักถิ่นบ้านเกิด ‘เพาะเห็ดฟาง’ สร้างรายได้แบบพอเพียง

“คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้” คำกล่าวที่ว่านี้เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยเพราะมันคือความเป็นจริงของโลกใบนี้ เหมือนดั่งเช่นหนุ่มใหญ่วัย 45 ปี ลูกชาวนา ที่เลือกจะออกไปโบยบินทำงานห่างไกลบ้าน จนได้รับตำแหน่งสูงและมีเงินเดือนที่น่าพอใจ ทุกๆอย่างกำลังไปได้สวยในชีวิตของมนุษย์เงินเดือน จนมาถึงจุดจุดหนึ่ง ที่เกิดเหตุการณ์ปัญหาภายในบ้านของเขาเอง แม่ของชายหนุ่มคนดังกล่าวเกิดล้มป่วยขึ้นมา จนตัวเขาเกิดความคิดที่อยากจะปลูกพืชผักที่ปลอดสารพิษและมีประโยชน์ จึงเลือกที่จะ…

Home / NEWS / หนุ่มเมืองนนท์รักถิ่นบ้านเกิด ‘เพาะเห็ดฟาง’ สร้างรายได้แบบพอเพียง

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้” คำกล่าวที่ว่านี้เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยเพราะมันคือความเป็นจริงของโลกใบนี้ เหมือนดั่งเช่นหนุ่มใหญ่วัย 45 ปี ลูกชาวนา ที่เลือกจะออกไปโบยบินทำงานห่างไกลบ้าน จนได้รับตำแหน่งสูงและมีเงินเดือนที่น่าพอใจ ทุกๆอย่างกำลังไปได้สวยในชีวิตของมนุษย์เงินเดือน จนมาถึงจุดจุดหนึ่ง ที่เกิดเหตุการณ์ปัญหาภายในบ้านของเขาเอง

แม่ของชายหนุ่มคนดังกล่าวเกิดล้มป่วยขึ้นมา จนตัวเขาเกิดความคิดที่อยากจะปลูกพืชผักที่ปลอดสารพิษและมีประโยชน์ จึงเลือกที่จะ ‘เพาะเห็ดฟาง‘ แบบปลอดสารพิษ เพื่อให้แม่ของเขาได้ทานแต่ของดีๆ และส่งผลดีต่อร่างกาย นั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่ง แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับสู่เส้นทางของการเป็นเกษตรกรเฉกเช่นเดียวกับที่ครอบครัวของเขาได้ทำไว้มาหลายสิบปีแล้ว

วันนี้ MThai News ในช่วง ‘เกษตรสร้างรายได้‘ ขอพาทุกท่านไปพบกับคุณกิตติพงษ์ กระดิ่งสาย หรือคุณเอ้ อายุ 45 ปี อดีตมนุษย์เงินเดือนมีรายได้สูงแตะ 4 หมื่นบาทต่อเดือน ปัจจุบันหันมาเป็นเกษตรกร ‘เพาะเห็ดฟาง‘ และเป็นเจ้าของ ‘ฟาร์มเห็ดฟาง บางบัวทอง’ ภายในซอยโรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบัวทอง ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

โดยคุณเอ้ ได้เปิดเผยว่าพื้นฐานที่บ้านเป็นเกษตรกรทำนาข้าว หลังเรียนจบก็ได้ออกไปหางานทำข้างนอกตามประสาหนุ่มใหม่ไฟแรง เป็นระยะเวลานานกว่า 20 ปี ก่อนที่หลายปีที่ผ่านมาจะมีความคิดที่อยากจะกลับมาทำอาชีพเกษตรกรดังเดิม ด้วยความที่รักถิ่นฐานบ้านเกิด และด้วยอายุที่มากขึ้นแล้ว ประกอบกับในช่วงปี 2555 แม่เกิดล้มป่วย จึงมีแนวคิดที่จะทำฟาร์มเห็ดฟางเพื่อให้แม่ได้ทานอาหารที่ปลอดสารพิษ และเป็นกิจกรรมที่ทำให้แม่ได้มีส่วนร่วมกับคนในครอบครัวจะได้ไม่เกิดความเบื่อหน่ายจากการล้มป่วย

ในช่วงแรกที่ทดลองทำ ‘เห็ดฟาง’ ได้เริ่มต้นจากการเพาะแบบ ‘กองเตี้ย’ โดยนำเศษฟางที่อัดเป็นก้อนมาเพาะเลี้ยง ซึ่งผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ จนสามารถนำมากินภายในครอบครัวได้ กระทั่งผลผลิตออกมาจำนวนมากจึงเริ่มที่จะลงไปหาตลาดจากบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ที่ขายผัก ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมาก ในขณะนั้นสามารถผลิตขายได้กิโลกรัมละ 80 บาท

แต่เนื่องจากการเพาะเห็ดฟางแบบกองเตี้ย ระยะเวลาในการออกผลผลิตของเห็ดฟางจะสั้น ทำให้ผลผลิตขาดตลาดไม่เพียงพอในการจำหน่าย จึงมีแนวคิดที่จะทำเป็นโรงเรือนโดยไปศึกษาจากตามฟาร์มต่างๆ จนตกผลึกได้แนวคิดทำโรงเรือนแบบพอเพียง ซึ่งใช้งบประมาณเพียง 8,000 บาทเท่านั้น ในขนาดความกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร สูง 3 เมตร โดยใช้ทะลายปาล์มในการเพาะเห็ด ซึ่งได้ผลผลิตเยอะขึ้นสามารถเก็บเห็ดฟางได้ตลอดระยะเวลา 20 วัน จะได้ผลผลิตต่อ 1 รอบ ประมาณ 100-120 กิโลกรัม

ส่วนขั้นตอนการทำนั้นเริ่มต้นจากการนำทะลายปาล์มไปแช่น้ำไว้ 2 คืน จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้เกิดการย่อยสลาย ซึ่งตัวทะลายปาล์มจะเกิด ‘ราร้อน’ ถือว่าเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเห็ดฟาง หลังจากนั้นก็นำทะลายปาล์มไปเรียงตามชั้นในโรงเรือน ก่อนที่จะต้มน้ำเพื่อให้ไอความร้อนเข้าไปฆ่าเชื้อโรคภายในโรงเรือน ด้วยอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 3 ชั่วโมง

เครื่องอบความร้อนในโรงเรือน

หลังจากนั้นก็โรยเชื้อเห็ดฟาง โดยฉีกเป็นชิ้นเล็กๆวางให้ทั่วทะลายปาล์มแล้วทำการปิดโรงเรือนไว้ประมาณ 3 วัน เมื่อถึงวันที่ครบกำหนดให้ทำการเปิดโรงเรือนเพื่อให้อากาศถ่ายเท โดยที่ฟาร์มของคุณเอ้จะทำรูระบายอากาศไว้ 3 จุดหลักๆ คือช่วงบนหลังคา ด้านข้าง และช่วงประตูทางเข้าออก ซึ่งจะทำให้อากาศถ่ายเทได้ทั่วบริเวณโรงเรือน

จากนั้นให้สังเกตที่ตัวทะลายปาล์มจะเกิดเส้นใยขาวๆขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเชื้อเห็ดเริ่มที่จะมีการจับเม็ดแล้ว ให้ใช้น้ำมาพรมให้ทั่วเส้นใย หลังจากนั้นตัวเส้นใยจะจับเม็ด โดยหมั่นดูแลและรักษา 4 ปัจจัยหลักคือความชื้น แสงแดด ความร้อน และเรื่องอุณหภูมิ ประมาณ 4-5 วันก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วโดยตัวเห็ดจะค่อยๆทยอย ออกเป็นชุดๆ

โดยการดูแลในแต่ละช่วงฤดูนั้นก็แตกต่างกันออกไปถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนมักจะพบปัญหาดอกฝ่อ เนื่องจากวัสดุแห้งส่งผลไปถึงเส้นใยมีการเจริญเติบโตน้อยลง และยังทำให้เกิด ‘ราขาว’ ซึ่งเป็นเชื้อราที่เป็นโทษต่อเห็ดฟาง และจะแย่งสารอาหารจนทำให้เกิดการฆ่ากันเองระหว่างราขาวและเห็ด วิธีแก้ไขควรเปิดโรงเรือน เพื่อระบายอากาศ และรักษาความชื้นด้วยการพรมน้ำทั้งบนทะลายปาล์ม และที่พื้นของโรงเรือนเพื่อให้ได้ค่าความชื้นที่เหมาะสมต่อเห็ดฟาง แต่หน้าร้อนก็ยังส่งผลดีเนื่องจากเป็นฤดูที่เห็ดให้ผลผลิตมากที่สุด

สำหรับหน้าฝนมักจะพบเรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้เห็ดปรับตัวไม่ทันส่งผลไปถึงการเจริญเติบโต และมักจะเกิด ‘ราเขียว’ วิธีแก้ไขและป้องกัน หากในช่วงที่ฝนตกควรทำการปิดโรงเรือนไว้เพื่อรักษาสภาพอากาศและความชื้นภายในโรงเรือน โดยเปิดช่องระบายอากาศไว้เล็กน้อย เพื่อให้อุณหภูมิภายในโรงเรือนค่อยๆปรับตามสภาพอากาศข้างนอก ในส่วนของช่วงหน้าหนาวการเจริญเติบโตของเห็ดจะช้าลง และมักพบว่าดอกจะออกสีคล้ำ ซึ่งบางฟาร์มจะทำการหยุดเพาะเห็ดฟางเนื่องจากได้ผลผลิตน้อย จนส่งผลให้ราคาเห็ดฟางในช่วงนี้พุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 200 บาท

ปัจจุบันที่ฟาร์มของคุณเอ้ มีอยู่ 6 โรงเรือน เป็นโรงเรือนขนาดใหญ่ 1 โรงเรือน ขนาดความกว้าง 6 เมตร ยาว 8 เมตร สูง 3 เมตร ได้ผลผลิตประมาณ 200-250 กิโลกรัมต่อ 1 รอบการเพาะปลูก จึงทำผลผลิตมีจำหน่ายต่อเนื่องไม่ขาดตลาด ซึ่งจุดเด่นของที่ฟาร์มคุณเอ้ นอกจากจะมีเห็ดฟางที่สดใหม่ทุกวันแล้ว ยังปลอดสารพิษอีกด้วย!!! โดยผลผลิตต่อเดือน สามารถสร้างรายได้ประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน  ทั้งนี้ที่ฟาร์มของคุณเอ้ นอกจากจะเพาะเห็ดฟางแล้ว ยังทำเกษตรแบบผสมผสานหลากหลายรูปแบบทั้งเลี้ยงไส้เดือน ทำบ่อปลาขนาดเล็ก เลี้ยงไก่ไข่ เรียกได้ว่ารายได้มีอยู่รอบตัวเลยทีเดียว คุณโต้งยังเผยอีกว่าขณะนี้เตรียมทำแปลงไว้ปลูกสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80 เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้ให้มากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่สนใจอยากจะศึกษาหรือทดลองเพาะเห็ดฟาง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 061-758-3713 คุณเอ้


  

เรื่อง/ภาพ ธเนตร พุทธิตระกูล