คลัสเตอร์แคมป์คนงาน โควิด-19 โควิดสายพันธุ์อินเดีย

กรมวิทย์ฯ เผยผลตรวจโควิด-19 แคมป์คนงานก่อสร้าง

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ตรวจรหัสพันธุกรรมจากตัวอย่างที่ส่งมาจากแคมป์คนงานก่อสร้าง และบริเวณใกล้เคียง จำนวน 80 ตัวอย่าง

Home / NEWS / กรมวิทย์ฯ เผยผลตรวจโควิด-19 แคมป์คนงานก่อสร้าง

ประเด็นน่าสนใจ

  • กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ตรวจรหัสพันธุกรรมจากตัวอย่างที่ส่งมาจากแคมป์คนงานก่อสร้าง และบริเวณใกล้เคียง จำนวน 80 ตัวอย่าง
  • พบว่าเป็นสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.2) จำนวน 36 ราย เป็นคนไทย 21 ราย คนงานชาวพม่า 10 ราย และกัมพูชา 5 ราย ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อังกฤษ
  • เผยไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป เนื่องจากยังไม่พบหลักฐานที่มีผลต่อความรุนแรง หรืออัตราการเสียชีวิต และยังตอบสนองต่อวัคซีนได้อยู่

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส Covid-19 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ตรวจรหัสพันธุกรรมจากตัวอย่างที่ส่งมาจากแคมป์คนงานก่อสร้าง และบริเวณใกล้เคียง จำนวน 80 ตัวอย่าง พบว่าเป็นสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.2) จำนวน 36 ราย เป็นคนไทย 21 ราย คนงานชาวพม่า 10 ราย และกัมพูชา 5 ราย ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7)

และยังมีตัวอย่างจากการค้นหาเชิงรุก จากพื้นที่อื่นใน กทม.อีก 2 แห่ง แต่พบเป็นสายพันธุ์อังกฤษทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทย เชื้อที่พบจะเป็นสายพันธุ์อังกฤษ 87% เพิ่งตรวจพบสายพันธุ์อินเดีย และจะได้ขยายการนำตัวอย่างจากคลัสเตอร์อื่นๆ มาตรวจรหัสพันธุกรรม เพื่อดูการกระจายตัวต่อไป จากข้อมูลของ Public Health England พบว่าสายพันธุ์อินเดียมีการแพร่กระจายได้ค่อนข้างรวดเร็ว คล้ายกับสายพันธุ์อังกฤษแต่ยังไม่พบหลักฐานที่มีผลต่อความรุนแรง หรืออัตราการเสียชีวิต และยังตอบสนองต่อวัคซีนได้อยู่ จึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่ายห้องปฏิบัติการที่สามารถทำการตรวจรหัสพันธุกรรมได้ จะร่วมมือกันเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่น่าห่วงกังวล (Variant of Concern) คือสายพันธุ์อังกฤษ, อินเดีย, แอฟริกาใต้ และบราซิล ต่อไป ห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถตรวจรหัสพันธุกรรม แบบทั้งตัว (Whole Genome Sequencing) ได้สัปดาห์ละ 384 ตัวอย่าง ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่ WHO ต้องการสัปดาห์ละ 150 ตัวอย่าง โดยจะเก็บมาจากทุกส่วนของประเทศ และกรณีต้องการทราบผลเร็วก็สามารถตรวจแบบ Targeted Sequencing ซึ่งใช้เวลา 1-2 วันอีกด้วย


ที่มา : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์