พระเครื่อง เหล็กไหล

ศรีสุวรรณจ่อร้อง ป.ป.ช. สอบเหล็กไหล-พระเครื่อง “คฑาเทพ-มงคลกิตติ์”

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวการแสดงรายการทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของ นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หน.พรรคพลังไทยรักไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หน.พรรคไทยศิวิไลย์ ซึ่งได้แจ้งรายการทรัพย์สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโคตรมหาเหล็กไหลที่มีมูลค่ากว่า 700…

Home / NEWS / ศรีสุวรรณจ่อร้อง ป.ป.ช. สอบเหล็กไหล-พระเครื่อง “คฑาเทพ-มงคลกิตติ์”

ประเด็นน่าสนใจ

  • ศรีสุวรรณ เตรียมร้อง ป.ป.ช.สอบปม “คฑาเทพ-มงคลกิตติ์” อ้างครอบครองเหล็กไหล-พระเครื่องมูลค่าสูง
  • ศรีสุวรรณตั้งข้อสังเกต เป็นการสร้างมูลค่าอำพรางหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวการแสดงรายการทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของ นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หน.พรรคพลังไทยรักไทย และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หน.พรรคไทยศิวิไลย์

ซึ่งได้แจ้งรายการทรัพย์สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโคตรมหาเหล็กไหลที่มีมูลค่ากว่า 700 ล้าน มหาเหล็กไหล มูลค่า 300 ล้านบาท อุกกาบาต 10 ล้านบาท และพระเครื่องต่าง ๆ อาทิ พระกริ่งปวเรศทองคำ 50 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง 40 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์ 30 ล้านบาท ฯลฯ จนเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียลนั้น

กรณีดังกล่าว เป็นที่สงสัยและวิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมไทยเป็นอย่างมากว่า มูลค่าทรัพย์สินต่าง ๆ ดังกล่าว เป็นการสร้างมูลค่าลวงขึ้นมาหรือไม่ มีหน่วยงานหรือองค์กรมาตรฐานใดให้ใบรับรองหรือไม่ หรืออาจเป็นกลเล่ห์ฉลของนักการเมืองที่อาจใช้เป็นข้ออ้างในการฟอกเงินเพื่อผ่องถ่ายทรัพย์สินแบบหลอกๆ ไปเป็นเงินสดในอนาคต

หากมีเงินสดหรือทรัพย์สินอื่นงอกเงยขึ้นมาเกินกว่ารายรับที่พึงมีในขณะดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็จะใช้เป็นข้ออ้างได้ว่าได้จำหน่ายพระเครื่องหรือวัตถุมงคลดังกล่าวออกไปในราคาแพงตามที่ตั้งมูลค่าไว้ เป็นต้น

ตนเห็นว่า ป.ป.ช.จะต้องมีระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการตรวจสอบมูลค่าของทรัพย์สินดังกล่าวของนักการเมือง เพื่อปิดช่องโหว่ของการเลี่ยงบาลีในการแสดงบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งหากนักการเมืองไม่สามารถแสดงหลักฐานใบรับรองมูลค่าของทรัพย์สินต่างๆ ได้ ก็สามารถชี้ได้เลยว่าเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ

เพื่อเลี่ยงความจริงที่พึงต้องแจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืน ม.109 วรรคสาม ประกอบ ม.114 ของ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ซึ่งอาจมีโทษตาม ม.167 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท .หรือทั้งจําทั้งปรับ

ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ ดําเนินการตาม ม.114 โดยการเสนอเรื่องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเพื่อวินิจฉัย หรือ ป.ป.ช.ดำเนินการยื่นฟ้องเองตาม ม.80 โดยจะไปยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 23 ก.ย.62 เวลา 13.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช.