ประเด็นน่าสนใจ
- สิงคโปร์ รายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศเพิ่ม 38 ราย (10 รายมีประวัติได้รับวัคซีนแล้ว)
- โดยแนวโน้มการพบการติดเชื้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้น
- ในจำนวนนี้ พบการติดเชื้อในสายพันธุ์อินเดียจำนวน 8 ราย
- ศึกษาแนวทางการการปูพรมฉีดวัคซีน และยืดระยะเวลาการได้รับเข็มที่ 2 ออกไปอีก
- เริ่มมาตรการคุมเข้มโควิด-19 แล้ว
วานนี้ ( 16 พ.ค.) กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 49 ราย โดยมี 38 รายที่เป็นการติดเชื้อในประเทศ และอีก 11 รายเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้ารับการกักตัวโดยยอดการพบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศวานนี้ ถือเป็นยอดสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2020 ที่มีการรายงานการพบผู้ป่วยในประเทศ
ซึ่งในจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 20 รายเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ก่อนหน้านี้ และอีก 17 รายที่ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ทำให้กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์มีความกังวลกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยที่ไม่สามารถหาต้นตอของการติดเชื้อได้ว่า รับเชื้อมาจากที่ใด
พบเชื้อสายพันธุ์อินเดีย 7 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายงานที่ติดเชื้อในประเทศนั้น พบว่า มีจำนวน 7 รายที่ตรวจว่าเป็นการติดเชื้อสายพันธุ์อินเดีย ซึ่งมีจำนวนถึง 6 รายยังไม่สามารถหาที่มา หรือความเชื่อมโยงกับกลุ่มก้อนใดๆ ก่อนหน้านี้ได้ มีเพียง 1 รายเท่านั้นที่พบความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยรายก่อนหน้านี้
ผู้ป่วยรายใหม่บางรายรับวัคซีนแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วย 10 รายที่เคยมีประวัติในการเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วติดเชื้อ ซึ่ง 6 รายเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วจำนวน 2 โดสด้วยกัน และหลายรายได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา มีหนึ่งรายที่มีประวัติการได้รับวัคซีน และติดเชื้อสายพันธุ์อินเดีย B.1.617
เตรียมปรับแผนการฉีดวัคซีน
จากสถานการณ์การระบาดที่เพิ่มขึ้น และมีหลายเคสที่ไม่สามารถหาความเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ก่อนหน้าได้ ทำให้สาธารณสุขของสิงคโปร์เตรียมปรับแผนการฉีดวัคซีน โดยการยึดระยะห่างระหว่างเข็มแรกและเข็มที่สองออกไปอีก เพื่อให้สามารถปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาและหาข้อสรุปในแนวทางการปูพรมฉีดเข็มแรกนี้อยู่
โดยในขณะนี้ สิงคโปร์ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวน 3,137,330 โดส มีผู้ที่ได้รับวัคซีนโดนแรกจำนวน 1,852,684 โดส และครบ 2 โดสแล้ว 1,284,646 โดส ซึ่งเมื่อคิดตามจำนวนสัดส่วนประชากร พบว่า สิงคโปร์ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแล้วราว 22.8%
ในขณะเดียวกัน จากการพบการระบาดในกลุ่มเด็กเพิ่มมากขึ้น ทำให้กำลังอยู่การศึกษาเพื่ออนุมัติการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 12-15 ปีอีกด้วย หลังก FDA สหรัฐฯ ได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีน Pfizer ในกลุ่มเด็กอายุ 12-15 ปีไปแล้ว
19 พ.ค. เรียนออนไลน์ที่บ้านเต็มรูปแบบ
จากสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ และมีแนวโน้มการพบเชื้อในกลุ่มเด็กเพิ่มมากขึ้น สิงคโปร์ตัดสินใจใช้แนวทางการเรียนที่บ้านแบบเต็มรูปแบบ หรือ Full Home-base Learning (HBL) โดยเป็นการเรียนผ่านระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ จะเริ่มในวันที่ 19 พ.ค. ที่จะถึงนี้ เพื่อลดกิจกรรมนอกบ้าน การรวมกลุ่ม-รวมตัวกันให้ได้มากที่สุด
ยกระดับมาตรการล็อกดาวน์
จากแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ทางการสิงคโปร์ได้มีการสั่งยกระดับมาตรการการป้องกันการระบาดเพิ่มขึ้น มีผลตั้งแต่ 16 พ.ค. – 13 มิ.ย. โดยมีการจำกัดจำนวนในการรวมกลุ่มในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการห้างฯ ต่าง ๆ ด้วย ในขณะที่ร้านอาหารสามารถจำหน่ายแบบซื้อกลับหรือเดลิเวอรี่เท่านั้น ไม่อนุญาตให้รับประทานในร้าน
ส่วนการจัดประชุม สัมมนา สามารถจัดได้กรณีที่ผู้ร่วมงานไม่เกิน 100 รายเท่านั้น กรณีที่มีการตรวจสอบประวัติต่าง ๆ ก่อนทำกิจกรรม แต่หากเป็นงานเปิดทั่วไปไม่เกิน 50 ราย