รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล โควิด-19

ราชทัณฑ์ แจงประเด็นโควิด – 19 ของรุ้ง ปนัสยาฯ

เปิดไทม์ไลน์ตรวจหาเชื้อแล้ว 2 ครั้งไม่พบเชื้อ / ปูพรมตรวจหาเชื้อแล้ว 100%

Home / NEWS / ราชทัณฑ์ แจงประเด็นโควิด – 19 ของรุ้ง ปนัสยาฯ

ประเด็นน่าสนใจ

  • กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงประเด็น กรณีรุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นการติดเชื้อโควิด-19 ภายในเรือนจำ
  • โดยได้ระบุไทม์ไลน์ การตรวจหาเชื้อ ของรุ้งในแดนแรกรับ จำนวน 2 ครั้ง ไม่พบเชื้อ
  • ยืนยันปูพรมตรวจหาเชื้อแล้ว100% พบเชื้อตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้ จำนวน 1,039 คน

กรมราชทัณฑ์ ขอชี้แจง “กรณีนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “บิดาและมารดาติดเชื้อโควิด – 19 จากตนที่ได้รับเชื้อมาจากในเรือนจำ โดยระบุว่าผู้ต้องขังและนักโทษไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด – 19 มากน้อยเพียงใดในเรือนจำ” นั้น

กรมราชทัณฑ์ ได้ชี้แจงโดยระบุว่า มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 จริงในหลายเรือนจำ แต่กรมราชทัณฑ์ยังคงดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งในกรณีของนางสาวปนัสยาฯ กรมราชทัณฑ์ ได้ชี้แจงเป็นไทม์ไลน์โดยมีรายละเอียดคือ

8 มีนาคม 2564 – กรมราชทัณฑ์ ได้รับตัวนางสาวปนัสยาฯ โดยควบคุมภายในห้องกักโรค ของแดนแรกรับ

10 มีนาคม 2564 – ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยการ SWAB ครั้งแรก ผลไม่พบการติดเชื้อ

23 เมษายน 2564 – ทำการตรวจหาเชื้อครั้งที่สอง ผลไม่พบการติดเชื้อเช่นกัน

26 เมษายน 2564 – ได้อนุญาตให้นางสาวปนัสยาฯ ลงจากห้องกักโรค (บนอาคารเรือนนอน) ลงมาอยู่ร่วมกับผู้ต้องขังอื่นภายในแดนแรกรับ จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 6 พฤษภาคม 2564

ทัณฑสถานหญิงกลาง แบ่งการควบคุมเป็น2 แดน คือแดนแรกรับ ซึ่งเป็นแดนที่นางสาวปนัสยาฯถูกควบคุมตัวอยู่มีผู้ต้องขังประมาณ1,500 คน ได้ทำการตรวจคัดกรองผู้ต้องขัง 100% เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 ภายหลังจากนางสาวปนัสยาฯ ปล่อยตัวไป ไม่พบผู้ต้องขังแดนนี้ติดเชื้อ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงผู้ต้องขังที่นอนห้องเดียวกันและใช้ชีวิตใกล้ชิดกับนางสาวปนัสยาฯ ตั้งแต่พ้นจากห้องกักโรค จำนวน 4 คน ก็ไม่พบการติดเชื้อเช่นกัน

สำหรับอีกแดนหนึ่งคือ แดนผู้ต้องขังเด็ดขาดที่เกิดการระบาดของโรค ซึ่งมีผู้ต้องขังประมาณ2,900 คน ทำการตรวจคัดกรองผู้ต้องขัง 100% พบผู้ต้องขังติดเชื้ออยู่ในแดนนี้ จำนวน 1,039 คน ตามที่ปรากฎเป็นข่าว และได้ย้ายผู้ต้องขังที่ติดเชื้อไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น จึงขอสร้างความเข้าใจต่อสังคมว่า กรมราชทัณฑ์ ไม่ได้มีนโยบายหรือสั่งการให้ปิดบังข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 ในเรือนจำและทัณฑสถานแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้มีหนังสือกำชับให้เรือนจำและทัณฑสถานปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด