ประเด็นน่าสนใจ
- สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในกัมพูชายังคงพบผู้ป่วยเพิ่มสูงต่อเนื่อง
- ยอดสะสมของผู้ป่วยในกัมพูชาทะลุ 2 หมื่นราย หลังการระบาดในระลอกใหม่ช่วงเดือนเมษายน2564
- เร่งระดมฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยยอดล่าสุด มีการฉีดวัคซีนเกิน 2 ล้านรายแล้ว
วันศุกร์ (14 พ.ค.) กระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชารายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่ม 358 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยในท้องถิ่น 350 ราย และผู้ป่วยจากต่างประเทศ 8 ราย ทำให้กัมพูชามีผู้ป่วยสะสม 21,499 ราย
แถลงการณ์ของกระทรวงฯ ระบุว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตอยู่ที่ 147 ราย ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยหายดีเพิ่ม 348 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยหายดีอยู่ที่ 9,867 ราย
ออร์ แวนดิน รัฐมนตรีและโฆษกกระทรวงฯ เผยว่าการประพฤติตนอย่างระมัดระวังสามารถช่วยรักษาชีวิตได้ พร้อมกระตุ้นทุกคนปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยทางสุขภาพต่อเนื่อง และเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อถึงเวลา
“การเลือกปฏิบัติตัวของคุณเป็นโอกาสในการรักษาชีวิตของคุณเอง การที่ทุกคนประพฤติตนอย่างดีที่สุดเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19” แวนดินโพสต์ทวิตเตอร์
อนึ่ง กัมพูชาเผชิญการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. โดยมีการสั่งปิดโรงเรียน สถานที่เล่นกีฬา พิพิธภัณฑ์ โรงภาพยนตร์ และสถานบันเทิงทุกแห่งทั่วประเทศ รวมถึงออกมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่เสี่ยงติดเชื้อสูง
ฉีดวัคซีนแล้ว 2 ล้านคน
กัมพูชาได้เร่งการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงที่เป็นพื้นที่สีแดงที่พบการระบาดภายในชุมชน โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนรายที่ 2 ล้านเป็นหญิง อายุ 23 ปี ซึ่งทางสมเด็จฮุนเซน ได้มอบเงินจำนวน 10 ล้านเรียล ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดการมอบเงินให้กับผู้รับวัคซีนรายที่ 1 ล้านมาก่อนหน้านี้ เพื่อจูงใจให้ประชาชนชาวกัมพูชาเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19
ซึ่งทำให้ยอดผู้รับวัคซีนในกัมพูชาสูงกว่า 2 ล้านราย จากจำนวนประชากรราว 16.5 ล้านราย โดยกัมพูชาได้รับวัคซีนจากจีน ผ่านการช่วยเหลือและจัดซื้อ มีทั้ง Sinopharm จำนวน 1.7 ล้านโดส และ Sinovac 2.5 ล้านโดส และได้รับจาก Covax ซึ่งเป็นวัคซีนของ Astrazenca จากอินเดีย อีก 3.24 แสนโดส
รัฐบาลกัมพูชาได้สั่งวัคซีนเพิ่มอีกราว 6 ล้านโดสจากจีน ในการเร่งการฉีดวัคซีนในพื้นที่ที่พบการระบาดสูง ซึ่งส่วนใหญ่เขตอุตสาหกรรม-โรงงานต่าง ๆ โดยให้แรงงานในพื้นที่สีแดงเข้ารับวัคซีนก่อนเป็นลำดับแรก
ที่มา – ซินหัว