เป็นที่สะดุดตาของใครต่อใครที่ได้ผ่านไปผ่านมาบนถนนพัทยาใต้ เมื่อได้เห็น ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น หน้าตาแปลกๆ เพราะมีเรือยอร์ชลอยเด่นอยู่หน้าร้าน ที่นี่คือ แฟล็กชิพสโตร์แห่งใหม่ที่ชื่อว่า ธาราพัทยา และมีรหัสสาขาสวยๆ ที่ 10000 แต่ไม่ใช่เปิดเป็นสาขาที่ 10000 เพราะจำนวนจริงๆ นั้นเลยหมื่นไปแล้ว โดยแฟล็กชิพสโตร์สาขาแรกตั้งอยู่ที่โรงเรียนสาธิตปัญญาภิวัฒน์ ซึ่งทั้งสองสาขามีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือให้เป็นต้นแบบร้านสะดวกซื้อแห่งอนาคต ที่นำเอานวัตกรรมต่างๆ ทั้งเรื่องการประหยัดพลังงาน เทคโนโลยี และดิจิทัล เข้ามาตอบโจทย์ผู้ใช้บริการในยุค 4.0 ได้อย่างครบถ้วน แบบนี้ต้องขอเจาะลึกสักหน่อยว่าสาขานี้มีจุดที่น่าสนใจอะไรบ้าง
1. แนวคิดในการออกแบบ
ความตั้งใจแรกคือ ให้ 7-11 สาขา ธาราพัทยา เป็น Landmark แห่งใหม่ของพัทยาใต้ จึงใส่ไอเดียในการออกแบบใหม่ทั้งหมด ที่เห็นได้ชัดสุดๆ เลยก็คือ ความแปลกตาน่าประทับใจ มีกลิ่นอายของท้องทะเลสีคราม ภายใต้คอนเซ็ปต์ Oceania ที่สอดคล้องกับจุดเด่นของเมืองพัทยา ด้วยการนำเรือยอร์ชมาเป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบ และภายในร้านขนาด 2 ชั้น ถูกออกแบบให้เหมือนอยู่ในท้องเรือ และลูกค้ายังสามารถชื่นชมความงดงามของท้องทะเลไทยผ่านจอ LED Digital Aquarium โดยได้ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยบูรพา ในการสร้างสรรค์สื่อวีดิทัศน์จากท้องทะเลไทยนำมาเปิดฉาย นอกจากนี้ชุมชนยังสามารถเข้ามามีส่วนร่วมการใช้งานภายในร้านตามหลักการ CCC : Convenience Community Center ได้อีกด้วย
2. รวมนวัตกรรมตอบสนองความสะดวกสบาย
ที่นี่ยังมี EV Charger สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ระบบไฟฟ้า ทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge ใช้เวลาชาร์จต่อคันเพียง 20 นาทีเท่านั้น ภายในร้านลูกค้ายังสามารถจัดการธุรกรรมบางอย่างได้ด้วยตัวเองเพื่อความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น สามารถชำระสินค้าได้ด้วยตนเองผ่าน Self-Checkout หรือจะอุ่นอาหารด้วยตนเองผ่าน Smart Wave และสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านจอสัมผัสที่ 24 Shopping Kiosk ซึ่งไฮไลท์ที่ขาดไม่ได้ของแฟล็กชิพสโตร์คือ เจ้า Sevy Bot ตัวที่ 2 หรือ สินสมุทร ที่ถอดแบบมาจากมนุษย์ประดาน้ำ มาช่วยตอบโต้และทักทายลูกค้าได้รอบร้าน เรียกได้ว่า 7-11 สาขา ธาราพัทยา ได้รวมเอานวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดมาใช้ได้ครบเลยทีเดียว
3. อุปกรณ์และเทคโนโลยีล้ำสมัย
ภายในร้านคำนึงถึงการประหยัดพลังงานเป็นอันดับแรก หลอดไฟ LED จึงถูกนำมาใช้งานแทบทุกจุด ตั้งแต่ LED Shelf ชั้นวางที่ออกแบบให้มีไฟ LED ส่องสว่างในตัวเอง Open showcase แบบบานเปิดปิด-ใส ช่วยเก็บรักษาอุณหภูมิทั้งยังประหยัดพลังงานได้ถึง 30% และ Hologram สื่อโฆษณาแบบ 3 มิติ ที่สามารถมองได้รอบทิศทาง แต่ส่วนที่น่าสนใจที่สุด คือ Smart Door Interactive ที่ตู้ขายข้าวกล่อง ที่มีจอ LED แสดงภาพเคลื่อนไหวของสินค้าเรียกว่าล้ำสุดๆ ไปเลย
4. ประหยัดพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม
สาขานี้ได้ชื่อว่าประหยัดพลังงานแบบสุดๆ เพราะก่อสร้างตามเกณฑ์ “การประเมิณความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย” หรือ เกณฑ์อาคารเขียว ของสถาบันอาคารเขียวไทย (Thai Green Building Institue : TGBI) ซึ่งมีมาตรฐานของเกณฑ์เทียบเท่าระดับสากลมาใช้ในการก่อสร้าง 7-11 สาขา ธาราพัทยา โดยตั้งเป้าว่าจะได้การรับรองจากสถาบันอาคารเขียวไทยในระดับ Platinum จากการใช้ผนังคอนกรีตมวลเบาและผนังกระจกฉนวนกันความร้อน เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนและแสง บนหลังคายังติดตั้ง Solar Rooftop ทดแทนการใช้ไฟฟ้าภายในร้านได้ถึง 40% และยังมีที่จอดจักรยานสำหรับคนรุ่นใหม่ที่รักการประหยัดพลังงานอีกด้วย
5. ไม่เหมือนใครด้วยโครงสร้างและสถาปัตยกรรม
สาขา ธาราพัทยา มีพื้นที่กว้างขวางกว่าเซเว่น อีเลฟเว่นปกติถึง 5 เท่า มีพื้นที่ภายในร้านรวม 1,659.3 ตารางเมตร แบ่งเป็นชั้น 1 พื้นที่ 1,403.5 ตารางเมตร และชั้น 2 พื้นที่ 255.8 ตารางเมตร และถือเป็น 7-11 สาขาแรกที่มีห้องน้ำเปิดให้บริการ ส่วนภายนอกใช้พื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย เคลือบด้วยผิวอะคริลิก ส่วนของระเบียงและลานพลาซ่า ยกพื้นปูไม้เทียมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานอาคารเขียว และยังติดตั้ง Big Fan ช่วยเพิ่มความเย็นที่ด้านนอก ส่วนที่ลำตัวเรือยอร์ช Lauren L ทำจากไฟเบอร์กลาส 3 ชั้น ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในอุตสาหกรรมการต่อเรือที่ให้ความแข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบา
6. วิศวกรรมและระบบอาคารเพื่อลูกค้า
นำระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ เข้ามาใช้ ซึ่งเป็นระบบคอยล์ร้อนรวมศูนย์ ผสานกับนวัตกรรม Inverter ช่วยควบคุมอุณหภูมิได้แม่ยำ และประหยัดพลังงานถึง 40% ซึ่งภายในร้านถูกรักษาระดับออกซิเจนให้คงที่จากเครื่องเติมอากาศบริสุทธิ์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกสดชื่นอยู่ตลอดเวลา และยังติดกล้อง CCTV Analytic ที่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายของลูกค้าภายในร้านได้
ทั้งการออกแบบและนวัตกรรมทั้งหมดนี้ถูกรวมอยู่ใน 7-11 สาขา ธาราพัทยา ที่ได้ชื่อว่าเป็น Landmark แห่งใหม่ของพัทยาใต้ ตอนนี้บอกเลยว่าถ้าไม่ไปเช็คอินคงจะไม่ได้ซะแล้ว