จะมีสักกี่คนที่สามารถทำงานที่เรารักไปพร้อมกับการทำสิ่งที่เราชอบได้ในเวลาเดียวกัน และน่าทึ่งเมื่อสิ่งที่เราชอบยังสามารถสร้างเป็นรายได้เสริมอีกด้วย เชื่อว่าคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะหาอาชีพเสริมหรืออยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองทั้งนั้น บางคนติดปัญหาเรื่องต้นทุน หรือลงมือทำไปแล้วกลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้
วันนี้ MThai News ในช่วง ‘เกษตรสร้างรายได้‘ ขอพาทุกท่านไปพบกับคุณเจนณรงค์ นบนอบ หรือคุณแบงค์ ครูสอนดนตรี โรงเรียนปิยะฉัตร ใน อ.บางบัวทอง และอดีตยังเคยเป็นมือกีต้าร์วงดนตรีใต้ดิน ทำเพลงแนวร็อกแบบโหด ดิบ!! ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ทิ้งงานในสิ่งที่รักนั้นคือ ‘ดนตรี‘ ได้นำเอาวิชาความรู้ทั้งหมดที่ได้ร่ำเรียนมา นำมาถ่ายทอดสู่เด็กนักเรียนรุ่นใหม่ และเป็นเจ้าของฟาร์มผักไฮโดรโปนิสก์ ‘สลัดผัก ครูแบงค์’ ย่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ด้วยอายุเพียง 28 ปี เท่านั้น !!
คุณแบงค์ เปิดเผยว่านอกจากงานด้านดนตรีแล้ว ซึ่งที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือการทำเกษตร แม้พื้นฐานทางบ้านจะไม่ใช่เกษตรกรแต่เริ่มแรก แต่ด้วยความสนใจมาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากชอบดูในการเจริญเติมโตของพืช จึงสะสมประสบการณ์ด้านเกษตรมาตลอด จนสามารถทำงานเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง และหันไปลงทุนปลูก ‘ผักสลัด‘ แบบไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งได้ศึกษาจากทางอินเตอร์เน็ต
ในช่วงแรกนั้นมีแนวคิดที่จะปลูกเพื่ออยากให้ครอบครัวมีกิจกรรมทำร่วมกัน และมีผักปลอดสารพิษใว้รับประทานกันภายในครอบครัว โดยแปลงแรกได้ลงทุนไปประมาณ 30,000 บาท ผลคือ… พบปัญหามากมายทั้งเรื่องโรค แมลง สภาพน้ำ เนื่องจากขาดความรู้และเทคนิคต่างๆ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ขัดขวางทำให้คุณแบงค์ย่อท้อแต่อย่างใด
จนได้ศึกษาอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่งผลปรากฏว่าได้ผลผลิตที่ดี และมีคุณภาพ จึงลงทุนเพิ่มแปลงเพาะปลูกโดยประดิษฐ์ขึ้นมาเอง เพื่อเป็นการลดต้นทุน ซึ่งในขณะเดียวกันเริ่มทำการตลาดวางแผนที่จะปล่อยสินค้าของตนเอง โดยเริ่มจากการเปิดเพจเฟซบุ๊ก และการบอกปากต่อปาก และลุยลงพื้นที่เจาะไปตามร้านอาหารต่างๆ จนออร์เดอร์การสั่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันที่ฟาร์มคุณแบงค์มีอยู่ประมาณ 10 แปลง
โดยผักที่ฟาร์มคุณแบงค์ เลือกที่จะปลูกมีประมาณ 4-5 ชนิดอาทิ กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค คอส และฟินเนอเร่ ซึ่งเป็นผักเมืองหนาว และยังเหมาะสำหรับนำไปทำผักสลัด ส่วนเรื่องเทคนิควิธีการเพาะปลูก คุณแบงค์เผยว่าเริ่มต้นจากการนำฟองน้ำ (หาซื้อได้จากแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์เพาะปลูกผักไฮโดรโปนิกส์) ก่อนจะนำไปแช่น้ำ แล้วนำมาใส่ภาชนะและทำการหยอดเมล็ดลงไป เมื่อหยอดครบทุกช่องแล้ว หลังจากนั้นนำไปพักเก็บไว้ในที่มืด แต่ให้มีอากาศถ่ายเทได้
หลังจากนั้นประมาณสัก 2-3 วัน จากเมล็ดจะงอกกลายเป็นต้นอ่อน สามารถนำออกมาปลูกในที่โล่งได้แล้ว แต่พยายามอย่าให้โดนแดดที่แรงมากจนเกินไป ต่อจากนั้นประมาณ 5-7 วัน ให้สังเกตดูที่ต้นอ่อนจะเริ่มมีใบที่ 3 และ 4 ออกมา ก็สามารถเริ่มใส่ปุ๋ยน้ำชนิด AB ซึ่งจะเป็นธาตุอาหารสำหรับผักสลัด โดยใส่ในค่าที่น้อยประมาณ 0.8 ต่อจากนั้นประมาณ 14-20 วัน สามารถย้ายมาปลูกลงรางได้เลย โดยไม่มีการใช้สารเคมีแต่อย่างใด
ซึ่งการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นั้นต้องดูแลในเรื่องของน้ำและแสงแดดเป็นหลัก เนื่องจากหากน้ำขาดจะทำให้ต้นตายได้รวมถึงแสงแดด เมื่อย้ายลงรางแปลงปลูกแล้วจะใช้ระยะเวลาอีกประมาณ 20 วัน รวมระยะเวลาตั้งแต่หยอดเมล็ดจนถึงเก็บเกี่ยวจะใช้เวลาประมาณ 40-45 วัน ก็สามารถนำมารับประทานหรือนำไปจำหน่ายต่อได้แล้ว
ส่วนเรื่องปัญหาและการดูแลในแต่ละช่วงฤดูนั้น ในช่วงหน้าร้อนส่วนใหญ่จะพบปัญหาต้นไม่โตและรากเน่า ควรหมั่นดูแลสภาพน้ำให้เย็นและมีอุณหภูมิที่พอเหมาะ รวมถึงการใช้ตัวสปริงเกอร์ตั้งเวลาให้ถี่ขึ้นเพื่อใช้ในการสร้างหมอกไอน้ำทำให้เกิดความชุ่มชื้น และยังเป็นการไล่แมลงศัตรูพืชได้อีกด้วย
ในช่วงหน้าฝนมักจะพบปัญหาโรคใบจุด เนื่องจากฝนที่ตกลงมาส่วนใหญ่จะมีสารปนเปื้อนมาด้วยจึงส่งผลต่อต้นผักโดยตรง วิธีแก้นั้นภายหลังจากฝนตกลงมาแล้ว ควรใช้น้ำฉีดล้าง ส่วนหน้าหนาวจะเป็นช่วงที่อากาศเหมาะสมมากที่สุด ต้นผักจะมีน้ำหนักมากขึ้น
เรื่องราคาจำหน่ายหากเป็นราคาส่งจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 65-150 แล้วแต่ช่วงฤดูกาล ราคาปลีกจะอยู่ที่ประมาณ 100-150 บาท ซึ่งในแต่ละเดือนจะได้ผักไว้จำหน่ายประมาณ 200 กิโลกรัม นอกจะนี้หากมีผักเหลือยังสามารถนำไปเพิ่มมูลค่า โดยการนำไปทำเป็นสลัดโรลจำหน่ายกล่องละ 35 บาทเท่านั้น สามารถสร้างเป็นรายได้เสริมเฉลี่ยเดือนละ 20,000-30,000 บาทเลยทีเดียว
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากศึกษาวิธีการเพาะปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ หรือสนใจอยากไปเลือกซื้อเลือกชม สามารถไปได้ที่ หมู่บ้านมิตรประชาวิลล่า ถ.บางกรวย-ไทรน้อย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เบอร์โทรศัพท์ 090-276-2076 (คุณแบงค์)
เรื่อง/ภาพ ธเนตร พุทธิตระกูล