ไฟป่าพรุควรเคร็ง ไฟไหม้ป่า

ชป.เร่งให้ความช่วยเหลือ ชาวบ้านจากวิกฤตไฟป่าพรุควรเคร็งเมืองคอน

จากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จนถึงช่วงบ่ายของวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ไฟได้ลุกลามเข้ามาถึงอำเภอเชียรใหญ่ ทำให้ชาวบ้านที่สัญจรไปมาตามถนนหนทางไม่สามารถสัญจรได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันจำนวนมากเข้าปกคลุมพื้นที่ดังกล่าว วันที่ 1…

Home / NEWS / ชป.เร่งให้ความช่วยเหลือ ชาวบ้านจากวิกฤตไฟป่าพรุควรเคร็งเมืองคอน

จากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จนถึงช่วงบ่ายของวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ไฟได้ลุกลามเข้ามาถึงอำเภอเชียรใหญ่ ทำให้ชาวบ้านที่สัญจรไปมาตามถนนหนทางไม่สามารถสัญจรได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันจำนวนมากเข้าปกคลุมพื้นที่ดังกล่าว

วันที่ 1 สิงหาคม 2562 ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ป่าพรุควนเคร็ง เป็นป่าพรุที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากป่าพรุสิรินธร หรือป่าพรุโต๊ะแดง ในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 223,320 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติประมาณ 165,825 ไร่ และเป็นป่าถาวรตามมติ ครม.ประมาณ 57,495 ไร่ สำหรับสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ป่าพรุในครั้งนี้

คาดว่าเกิดจากการที่ชาวบ้านเข้าไปจุดไฟในพื้นที่ของตัวเอง และไม่สามารถควบคุมไฟได้ จึงทำให้ไฟลุกลามเข้าไปในพื้นที่เขตป่าพรุดังกล่าว โดยมีจุดที่ลุกลามหนักจำนวน 2 จุด ได้แก่ พื้นที่หมู่ 4 ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ และพื้นที่หมู่ 12 ตำบลสวนหลวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มอบหมายให้กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 15 เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชน ด้วยการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำรวม 18 เครื่อง สูบน้ำเข้าสู่พื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง เพื่อช่วยป้องกันไฟไหม้ไม่ให้ขยายวงกว้าง

โดยได้นำเครื่องสูบน้ำเข้าติดตั้งในพื้นที่ตำบลเคร็ง ตำบลชะอวด ตำบลบ้านตูล อำเภอชะอวด , ตำบลควนชะลิก อำเภอหัวไทร และตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ นอกจากนี้ ยังได้นำเครื่องจักรกลรถขุด 4 คัน เข้าทำการขุดลอกวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำ เพื่อเปิดทางให้น้ำไหลเข้าสู่พื้นที่ป่าพรุได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันและควบคุมไฟป่า โดยมีการจัดทำแนวกันไฟในบริเวณพื้นที่โดยรอบ จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งให้ความร่วมมือในการป้องกันและแก้ปัญหาในครั้งนี้ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี