เมื่อวันอังคาร (4 พ.ค.) ซาการ์ กุมาร ราชบัณฑรี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกล่าวว่า โรงพยาบาลใหญ่ของรัฐ 2 แห่ง ในกรุงกาฐมาณฑุของเนปาล ได้แก่ โรงพยาบาลสุกราราชโรคเขตร้อนและโรคติดเชื้อ ซึ่งถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และศูนย์รักษาอาการบาดเจ็บแห่งชาติ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ กำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนออกซิเจนเหลว
“ออกซิเจนในถังออกซิเจนเหลวของเรากำลังจะหมด และจะเหลือพอถึงแค่วันพุธนี้ (5 พ.ค.)” ราชบัณฑรีกล่าว
เมื่อวันจันทร์ (3 พ.ค.) คัดห์กา ปราสาท โอลี นายกรัฐมนตรีเนปาล กล่าวว่ารัฐบาลสั่งห้ามมิให้จัดหาออกซิเจนเพื่อใช้งานด้านอื่น นอกจากใช้เพื่อการรักษาผู้ป่วย
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเนปาลเริ่มเลวร้ายลง โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและประชากรของเนปาล ระบุว่าเมื่อวันอังคาร (4 พ.ค.) เนปาลพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 7,660 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 55 ราย ในรอบ 24 ชั่วโมง ถือเป็นยอดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงสุด ทำลายสถิติก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ (3 พ.ค.) ซึ่งพบผู้ป่วยใหม่ 7,448 ราย และผู้เสียชีวิต 37 ราย
…
กาฐมาณฑุยังคงล็อกดาวน์
จากการที่ยอดผู้ป่วยโควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทำให้ทางการของเนปาลสั่งล็อกดาวน์กาฐมาณฑุ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ถึงวันที่ 14 พ.ค. 2564 ซึ่งผ่านมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว แต่แนวโน้มการพบผู้ป่วยยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย
- มีการจำกัดเวลาการเปิดขายของในร้านขายของในช่วงเวลา 07.00 – 09.00 น. ยกเว้นร้านขายยาที่ยังคงเปิดให้บริการได้ตามช่วงเวลาปรกติ
- ธุรกิจที่ไม่จำเป็นให้หยุดให้บริการชั่วคราว
- ยานพาหนะของประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกมาใช้งาน หากไม่มีเหตุจำเป็น หรือเหตุฉุกเฉิน
- ผู้ที่เดินทางเข้า-ออก กรุงกาฐมาณฑุ จะต้องมีการกักตัว
ส่วนสายการบินนั้นได้มีการระงับเที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมด ยกเว้นกรณีการขนส่งสินค้า หรือการช่วยเหลือพิเศษเท่านั้น
…
พบนักปีนเขา-ลูกหาบ
ในขณะเดียวกันที่ Base Camp บน ภูเขาดาห์ลาคีรี หนึ่งในยอดเขาที่เป็นที่นิยมในการเดินทางไปปีนเขาในเนปาล มีรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 10 ราย โดยเป็นนักปีนเขา ลูกหาบชาวเชอร์ปา ทำให้ทางการของเนปาลต้องส่งเครื่องบินของกองทัพไปรับผู้ป่วยลงมา
ซึ่งบริเวณด้านบน Base camp ยังคงมีนักปีนเขาอีกกว่า 30 คน และทีมงานอีกกว่า 100 คนอาศัยอยุ่ ซึ่งทำให้สถานการณ์บริเวณ Base camp เป็นที่น่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูง การเดินทางลำบาก จะต้องรอช่วงที่อากาศเปิดเท่านั้นจึงจะสามารถลำเลียงผู้ป่วย-สิ่งของจำเป็นทางเฮลิคอปเตอร์ได้
ส่วนที่ Everest Base Camp มีรายงานการพบนักปืนเขาติดเชื้อแล้วกว่า 10 ราย ซึ่งในจุดนี้มีนักปืนเขาและทีมงานอยู่รวมกันกว่า 1500 คน ทำให้จำเป็นต้องมีการหาแนวทางในการจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่มา : ซินหัว, สถานทูตสหรัฐฯในเนปาล, The Himalayan Times