ราคายางที่ตกต่ำในรอบ 5 ปี ส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนยางเดือดร้อน นายทวีศิลป์ ประทีป เลขานุการภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน ระบุว่า เกษตรกรชาวสวนยางอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาที่เทน้ำยางลาดพื้นประชดราคายางตกต่ำ เพราะขายไปก็ไม่ได้ราคา
โดยต้องการให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือ เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำยางดิบเหลือเพียงกิโลกรัมละ 36 บาท จากที่เคยสูงสุด 37 บาท จึงต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ อย่างที่เคยหาเสียงไว้ ว่าราคายางไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 60 บาท โดยดูแลเกษตรกรให้ทั่วถึงทั้งที่มีเอกสารสิทธิ์และไม่มีเอกสารสิทธิ
นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ระบุว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดการฟื้นอุตสาหกรรมยางในประเทศ และส่งเสริมการใช้ยางในประเทศให้ได้ร้อยละ 30 โดยส่งเสริมผู้ประกอบการลงทุนในนิคมต่างๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรมฉลุงที่มีเพียงผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่ผลิตถุงยางอนามัย และส่งเสริมให้มีการลงทุนของต่างชาติในอุตสาหกรรมยางพารา ในอุตสาหกรรมปลายน้ำที่มีใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
นายอุทัย ระบุอีกว่า ราคายางที่เกษตรกรขายได้ในขณะนี้ทั้งน้ำยางสดและยางแผ่นดิบ ต่ำกว่าต้นทุนที่กิโลกรัมละ 60 บาท 65 สตางค์ ซึ่งการคาดหวังว่าราคายางจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นสิ่งที่คาดหวังยาก เนื่องจากมีการขยายยางในตลาดล่วงหน้าในราคาต่ำ โดยยางเอสทีอาร์อยู่ที่กิโลกรัมละ 41-42 บาท
ขณะที่เครือข่ายชาวสวนยาง 6 จังหวัดภาคใต้ รวมตัวกันขอให้รัฐเร่งเเก้ปัญหาราคายาง เเละเตรียมยื่นข้อเรียกร้อง ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสัปดาห์หน้า เพื่อจี้ให้เร่งแก้ปัญหาและทำตามนโยบายที่ได้ประกาศที่ไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง
ส่วนการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เตรียมเสนอรายชื่อผู้จะดำรงตำแหน่งบอร์ดชุดใหม่ให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งกำกับดูแล กยท. เพื่อพิจารณาแล้ว
จากนั้นจะนำเข้า ครม.เพื่อเห็นชอบ เร่งเดินหน้า มาตรการแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำโดยใช้นโยบายประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ให้ได้ในราคาไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม และดูดซับปริมาณยางออกจากตลาด นำไปทำถนนพาราซอยส์ซีเมนท์ อุปกรณ์ความปลอดภัยทางถนนทั่วประเทศ ตั้งเป้าดึงน้ำยางออกจากระบบได้กว่า 1 ล้านตัน