บราซิล บูตันแวค วัคซีนบราซิล โควิด-19

บราซิลเริ่มผลิต ‘บูตันแวค’ วัคซีนโควิด-19 ตัวแรกของประเทศ

บราซิล เริ่มต้นผลิต 'บูตันแวค' วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ตัวแรกของบราซิล

Home / NEWS / บราซิลเริ่มผลิต ‘บูตันแวค’ วัคซีนโควิด-19 ตัวแรกของประเทศ

ประเด็นน่าสนใจ

  • บราซิล เริ่มต้นผลิต ‘บูตันแวค’ วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ตัวแรกของบราซิล
  • ผลิตวัคซีนชุดแรก ที่คาดว่าจะมีปริมาณอยู่ที่ 18 ล้านโดสภายในกลางเดือนกรกฎาคม
  • หลังจากบูตันแวคได้รับอนุมัติ จะมีอาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 และ 2 รวม 1,800 คน

โจเอา ดอเรีย ผู้ว่าการรัฐเซาเปาลูของบราซิล ประกาศว่าสถาบันบูตันตัน (Butantan Institute) ซึ่งเป็นสถานวิจัยทางการแพทย์ของรัฐบาลในนครเซาเปาลู ได้เริ่มต้นผลิตบูตันแวค (ButanVac) วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ตัวแรกของบราซิล เมื่อวันพุธ (28 เม.ย.) ที่ผ่านมา

“บูตันแวคจะเป็นวัคซีนตัวแรกที่บราซิลผลิตเองทั้งหมดโดยไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ” โดเรียแถลงข่าวที่สถาบันฯ ซึ่งเริ่มผลิตวัคซีนชุดแรก ที่คาดว่าจะมีปริมาณอยู่ที่ 18 ล้านโดสภายในกลางเดือนกรกฎาคม แม้สำนักงานกำกับควบคุมทางสุขภาพหรืออันวิซา (Anvisa) ของบราซิลยังไม่ได้อนุมัติวัคซีนดังกล่าว

นอกจากบูตันแวคแล้ว สถาบันฯ ยังผลิตและจัดการเรื่องการบรรจุหีบห่อของโคโรนาแวค (CoronaVac) วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนซ์ (Sinovac Life Sciences) บริษัทเภสัชภัณฑ์สัญชาติจีน โดยบราซิลใช้วัคซีนโคโรนาแวคในโครงการฉีดวัคซีนของประเทศตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.

“ช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคม เราจะสามารถฉีดวัคซีนบูตันแวคได้ทันทีที่อันวิซาอนุมัติ กำลังการผลิตวัคซีนบูตันแวคอาจสูงแตะ 100-150 ล้านโดสภายในสิ้นปี” โดเรียกล่าว “เราหวังว่าอันวิซาจะดำเนินการอย่างเร่งด่วน”

เมื่อวันอังคาร (27 เม.ย.) อันวิซาขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบูตันแวคเพิ่มเติมจากสถาบันฯ ก่อนจะอนุมัติการทดลองในมนุษย์

สถาบันบูตันตันเป็นผู้ผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่รายหลักของกลุ่มประเทศในซีกโลกใต้ ทั้งยังเป็นผู้ผลิตชั้นนำของกระทรวงสาธารณสุขบราซิล ครองสัดส่วนร้อยละ 85 ของหุ้นส่วนระหว่างประเทศด้านการวิจัยวัคซีนตัวใหม่

รัฐบาลเซาเปาลู ซึ่งเป็นรัฐที่เผชิญการระบาดรุนแรงที่สุด ระบุว่าหลังจากบูตันแวคได้รับอนุมัติ จะมีอาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 1 และ 2 รวม 1,800 คน


ที่มา : Xinhua