ตั้งแต่ 1 พ.ค. นี้ สธ. เปิดลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผ่านไลน์ ‘หมอพร้อม’ สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง 7 โรค จำนวน 16 ล้านคน
วันที่ 28 เม.ย. 2564 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ไลน์ ‘หมอพร้อม’ สำหรับให้ประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะเปิดให้กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิด โรคเบาหวาน และโรคอ้วน จำนวน 16 ล้านคน เปิดจองคิววันที่ 1 พ.ค. นี้
“2 กลุ่มนี้จะได้ฉีดก่อน เพราะพบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว หรือเป็นผู้สูงอายุ และผลการศึกษาพบว่าวัคซีนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและนอนโรงพยาบาลได้ ดังนั้น 2 กลุ่มนี้ จึงเป็นกลุ่มที่ต้องปกป้องก่อน” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวว่า โรงพยาบาลนำรายชื่อของผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ขึ้นในระบบไลน์ ‘หมอพร้อม’ แล้ว โดยขอเพิ่มเพื่อนได้ในบัญชีทางการของแอปพลิเคชั่นไลน์ แล้วกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก จองวัคซีนตามวัน เวลาที่สะดวก กดเมนูจองวัคซีนโควิด-19 อาจเลือกโรงพยาบาลที่รักษาอยู่ โรงพยาบาลในภูมิลำเนา หรือห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ หากจองคิวแทนบุคคลในครอบครัว สามารถกดเพิ่มบุคคลอื่น เพื่อแก้ไขข้อมูลส่วนตัว เพื่อลงทะเบียนให้พ่อแม่ได้ สำหรับผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์ สามารถจองที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โทรจองที่โรงพยาบาล หรือประสาน อสม.ในพื้นที่ได้
นายสาธิต กล่าวว่า สำหรับกลุ่มประชาชนอายุ 18-59 ปี จะเปิดจองในช่วงเดือน 1 ก.ค. 64 ก่อนจะเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงเดือน ส.ค. – ก.ย. ต่อไป แต่หากในช่วงนี้รัฐบาลหาวัคซีนมาเพิ่มได้ก็เสริมได้ เช่น วัคซีนที่เหมาะกับกลุ่มอายุ 12-18 ปี กลุ่มคุณครู หรือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ยืนยันว่าคนไทยทุกคนจะได้รับวัคซีน
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ระบุว่า การเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับประเทศ ต้องมีผู้ได้รับวัคซีนร้อยละ 70 ของประชากร 70 ล้านคน หรือประมาณ 50 ล้านคน ซึ่งรวมถึงคนที่เข้ามาพำนักในประเทศไทยด้วย หากวัคซีนโดยทั่วไปฉีดคนละ 2 โดส แสดงว่า สธ. ต้องฉีดวัคซีน 100 ล้านครั้ง
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สธ. คาดว่าจะฉีดวัคซีนได้วันละ 300,000 โดสขึ้นไป หรืออย่างน้อยเดือนละ 10 ล้านโดส เพื่อให้ทันสิ้นปี 2564 ซึ่งเป็นปริมาณที่สูง แต่ สธ. ได้เตรียมความพร้อมสถานที่ฉีดวัคซีนไว้ทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง พร้อมเตรียมพื้นที่นอกโรงพยาบาลในเขตเมือง เช่น ศาลาประชาคม สนามกีฬา หรือห้างสรรพสินค้า เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย และฉีดวัคซีนได้มากขึ้น